หลังจากที่รีวิว Samsung Galaxy A7(2016) กันไปแล้ววันนี้แอดมินก็มีซีรี่ย์ A ไซส์เล็กรองลงมาจากเจ้า A7 อีกนิดนึงมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ชมกันนั่นก็คือ Samsung Galaxy A5 2016 นั่งเองค่ะ
อย่างที่ทราบกันดีว่าเจ้าซีรี่ย์ A เหล่านี้เมื่อปีที่แล้วซัมซุงได้ส่งออกมาให้เราได้รู้จักกันถึง 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ A8 , A7 และ A5 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางซีรีย์ใหม่ที่มีจุดเด่นในด้านของดีไซน์ที่เรียบหรู น้ำหนักเบา พร้อมกับวัสดุหลักที่เป็นโลหะทั้งหมด ออกมาวางจำหน่ายในประเทศไทยและทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายกันไป
และในปีนี้ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง ก็ได้มีการเปิดตัวซีรี่ย์ A อีกสองรุ่นอย่างเป็นทางการและเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2559 ด้วยราคา 13,900 บาท และ 15,900 บาท โดยซีรี่ย์นี้มีชื่อใหม่ว่า Samsung GalaxyA5(2016) และ Galaxy A7 (2016) ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์และวัสดุใหม่ที่ได้ต้นแบบมาจากสมาร์ทโฟนรุ่นที่เป็นแฟล็กชิปปี 2015 อย่าง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy Note 5 ต้องขอบอกเลยว่าซีรี่ย์นี้เค้าพรีเมี่ยมจริงๆค่ะ สำหรับรุ่นนี้จะมีอะไรเปลี่ยนไปและมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างนั้นไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
สเปค Samsung GalaxyA5 (2016)
ขนาด |
144.8 x 71.0 x 7.3 มม.(155 กรัม) |
แบตเตอรี่ |
2,900 mAh, Fast Charging |
หน่วยความจำ |
16GB , แรม 2GB , Micro SDCardใส่ได้สูงสุด128GB) |
จอแสดงผลหลัก |
Super AMOLED, 16 ล้านสี , 5.2” ,1080 x 1920 พิกเซล (424 ppi ) ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 4 |
กล้องดิจิตอล |
13 MP / 5 MP , f/1.9, OIS, autofocus, LED flash, 1080p |
ระบบปฎิบัติการ |
Android OS, v5.1.1 (Lollipop) |
ซีพียู |
Octa-core 1.6 GHz |
ระบบสแกนลายนิ้วมือ |
รองรับ |
ข้อความ |
SMS / MMS / E-mail / Push E-mail / IM |
การเชื่อมต่อ |
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, dual-band, WiFi Direct, hotspot |
ฟีเจอร์พิเศษ |
MST technology (Samsung Pay เปิดใช้บริการแล้วในบางประเทศ), Samsung KNOX, S-Voice, รองรับ 2 ซิม, |
LTE |
รองรับ |
สี |
ดำ, ขาว, ทอง และ ชมพู |
วัสดุและการออกแบบ
รุ่นนี้จะใช้โลหะจะเป็นโครงสร้างของตัวเครื่องแล้วประกบด้วยกระจก Gorilla Glass 4 ทั้งหน้าและหลัง หน้าจอยังคงเป็นหน้าจอ Super AMOLEDเหมือนเดิมขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p หากสังเกตุใกล้เพื่อนก็จะเห็นขอบโค้งนิดๆ และขอบหน้าจอแคบลงกว่าเดิม ส่งผลให้ตัวเครื่องแคบลงตามมาด้วย
นอกจากนี้รุ่นนี้ก็ยังมาพร้อมปุ่มโฮมแบบใหม่ที่รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับการใช้งานปลดล็อคหน้าจอและด้านความปลอดภัยอื่นๆเหมือนกับเจ้า Galaxy A7(2016) เลยละค่ะ เรียกว่าจิ๋วแต่แจ๋วซะจริงๆ
ในส่วนถัดมาก็จะเป็นลำโพงสปีกเกอร์ของเจ้ากาแลคซี่ A5(2015) ที่เคยมีอยู่ด้านข้างของกล้องหลัง ก็ถูกย้ายลงไปอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง และไม่สามารถถอดฝาหลังออกได้เช่นซี่รี่ย์ A(2015)
และในส่วนของซิมตัวนี้ก็ยังคงรองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบนาโนซิม และรองรับ microSD Card ได้สูงสุด 128GB ได้มีการปรับให้ดีขึ้นก็คือไม่ต้องเลือกการใช้งานระหว่างเมมโมรี่การ์ดและซิมที่ 2 แล้ว สามารถใส่ซิม 1, ซิม 2 และ microSD Card พร้อมกันได้เลย
โดยรวมแล้วถือว่าค่อนข้างดีขึ้นกว่าเดิมมาก เนื่องจากมีการปรับปรุงการใช้งานให้ดีขึ้นและสวยงามขึ้น มีฟีเจอร์ใหม่ๆเพิ่มเข้ามาอาทิเช่น ระบบสแกนลายนิ้วมือ แต่เนื่องจากตัวเครื่องเป็นโลหะประกบด้วยกระจำจึงทำให้เป็นรอยง่ายและหนักขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยค่ะแต่ก็นับว่าทำออกมาได้ดีงามเกินราคา
ประสิทธิภาพ
นอกจากรูปร่างหน้าตาและวัสดุที่เปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว สเปคภายในก็มีการปรับเปลี่ยนไปด้วย โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop พร้อมกับเปลี่ยนมาใช้ชิปประมวลผล อ๊อคต้า คอร์ 1.6GHz เพิ่มแรม เป็น 2GB มีหน่วยความจำ 16GB เท่าเดิม แต่รองรับไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเป็น 128GB ใช้งานทั่วไป เล่นเกมกราฟิกงามๆ อย่าง Need For Speed ได้แบบสบายๆ ซึ่งหลังจากที่ทดลองเล่นมาซักพัก ตัวเครื่องจะมีอาการอุ่นๆอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับร้อนจี๋นะคะ
สำหรับรุ่นนี้ยังมีการเพิ่มแบตเตอรี่เป็น 2,900 mAh และรองรับการชาร์จเร็ว (Fast Charging) ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ ก็ยังคงรองรับ Wi-Fi, บลูทูท, NFC และรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน 3G, 4G LTE พร้อมเซ็นเซอร์หลักต่างๆ
กล้องถ่ายภาพ
ตัวอย่างภาพจากกล้องมือถือ Galaxy A5
สำหรับกล้องหลังถึงแม้ยังคงความละเอียด 13 ล้านพิกเซลเท่าเดิม แต่ด้วยการปรับให้มีรูรับแสงที่กว้างขึ้นเป็น f/1.9 ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้คมชัดและสว่างมากขึ้น ระบบออโต้โฟกัสทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ด้วยขนาดของรูรับแสง f/1.9 ทำให้การถ่ายภาพระยะใกล้ หรือหน้าชัดหลังเบลอก็สามารถทำได้สวยงามขึ้น (ฉากหลังละลายมากขึ้น) พร้อมกันนี้ก็ยังมีระบบกันสั่น OIS ให้อีกด้วย
สำหรับหน้าตาเมนูของกล้องก็เป็นแบบใหม่ เมื่อแตะโพสกัสลงไปที่หน้าจอ จะสามารถปรับระดับแสงด้วยการเลื่อนไอค่อนหลอดไฟขึ้น-ลงได้ทันที (อยู่ใกล้ปุ่มชัตเตอร์) ส่วนลูกเล่นต่างๆก็มีโหมดโปรมาให้ใช้งาน แต่น่าเสียดายที่ปรับอะไรได้ไม่เยอะ โหมด HDR ก็มีมาให้ แต่ไม่ใช้ Auto-HDR ซึ่งจะต้องเลือกโหมดใช้งานเอง และรุ่นนี้สามารถใช้งานควิกลันช์โดยกดปุ่มโฮมลง 2 ครั้ง ก็จะเข้าสู่โหมดกล้องทันทีแม้ตัวเครื่องจะล็อค ซึ่งฟีเจอร์นี้ก็มีอยู่บนสมาร์ทโฟนระดับแฟล็กชิปเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน การบันทึกวิดีโอก็สามารถบันทึกได้ที่ความละเอียด Full HD 1080p
นอกจากกล้องหลังที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นแล้ว กล้องหน้าที่มาพร้อมความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเช่นเดิมที่เพิ่มรูรับแสงกว้างขึ้นเป็น f/1.9 เท่ากับกล้องหลัง และมาพร้อมโหมดเซลฟี่ครบสูตรเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็น บิวตี้ที่ปรับหน้าเนียน, หน้าเรียว และตาโตได้ พร้อมกับโหมดสั่งงานด้วยเสียง และ ปาล์มเซลฟี่ แค่ยกมือก็ถ่ายรูปแล้วก็ยังมีมาให้เช่นเดิมอีกด้วยค่ะ
สรุปภาพรวม
- ดีไซน์ที่เป็นโลหะและกระจก Corning Gorilla Glass 4 สวยและทนทานขึ้น
- หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและละเอียดขึ้นจาก HD มาเป็น Full HD
- CPU จาก Quad-core 1.2 GHz แรงขึ้นเป็น Octa-core 1.6 GHz
- รูรับแสงของกล้องที่เล็กลงจากกล้องหลัง f/2.0 กล้องหน้า f/2.2 มาเป็น f/1.9 ทั้งหน้าและหลัง
- มี Quick Launch ที่ช่วยให้เข้าโหมดกล้องได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 วินาที
- แบตเตอรี่มีความจุเพิ่มขึ้น พร้อมเพิ่มระบบ Fast Charge
- เพิ่มเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
นับว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมากๆ เลยทีเดียวค่ะ อีกทั้งราคาก็น่ารักน่าคบหา ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาปานกลางแต่คุณภาพพรีเมี่ยมแอดมินแนะนำให้รอดูโปรโมชั่นส่วนลด, และของแถมที่แว่วๆมาว่าจะแถมเมมโมรี่การ์ด EVO+ 32GB MicroSDHC Class 10 อีกด้วยละค่ะ ไปเลือกซื้อเลือกหาจับจองเป็นเจ้าของกันได้ที่งาน Thailand Mobile Expo 2016 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 11-14 กุมภาพันธ์ 2559 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นะคะ