Samsung Gear S นาฬิกาอัจฉริยะจากทาง Samsung สำหรับรุ่นนี้จะแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ นอกจากจะใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen แล้ว ยังสามารถใส่ซิมการ์ดใช้งาน 3G ได้อีกด้วย และที่พิเศษที่สุดก็คือ ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็สามารถทำงานได้ เหตุเพราะใช้ซิมการ์ดในตัวนั่นเองครับ สำหรับ Samsung Gear S นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นนี้การใช้งานด้านต่างๆจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญอ่านรีวิวกันได้เลยครับ
สเปค Samsung Gear S
- หน้าจอโค้ง ขนาด 2 นิ้ว แบบ Super AMOLED 360 x 480 พิกเซล 300 ppi
- ขนาดตัวเครื่อง 39.8 x 58.3 x 12.5 มิลลิเมตร
- Dual Core 1.0GHz
- Tizen wearable
- หน่วยความจำ 4GB, RAM 512MB
- รองรับ Nano-SIM
- UMTS / HSPA+ / DC-HSDPA (900 / 2100 MHz)
- 900/1800 or 850/1900 (2G)
- กันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP67
- WiFi: 802.11 b/g/n, A-GPS/Glonass, Bluetooth®: 4.1, USB 2.0
- แบต Li-ion 300mAh
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, GyroscopeDigital compass, Heart rate monitor, Ambient light sensor, Ultraviolet sensorBarometer
หน้าตาและดีไซน์ Samsung Gear S
Samsung Gear S จะมาพร้อมกับหน้าจอโค้ง Super AMOLED ขนาด 2 นิ้ว มีความละเอียด 360×480 พิกเซล มีปุ่มกดตรงกลางใต้หน้าจอสแดงผล เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงและการเคลื่อนไหววางอยู่ด้านซ้ายและขวาของปุ่ม
สายเป็นแบบยางพร้อมกับตัวล็อคที่เป็นอะลูมิเลนียม สามารถปรับระดับตามขนาดของข้อมือได้ และสามารถถอดสายกับตัว Samsung Gear S ออกจากกันได้
ด้านหลังมีถาดใส่ Nano SIM และลำโพงสปีกเกอร์วางอยู่ข้างกัน พร้อมเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ตรงกลางกลาง แถบทองแดงนั้นเอาไว้เชื่อมต่อกับ Power adaptor สำหรับชาร์จ
การใช้งาน Samsung Gear S
ถึงแม้ Samsung Gear S จะสามารถใส่ซิมการ์ดและใช้งานการเชื่อมต่อ 3G ได้นั้น อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนหน้าตา, ภาพพื้นหลัง, ติดตั้งแอพฯเสริมบน Samsung Gear S จะต้องทำผ่านสมาร์ทโฟน Samsung ผ่านแอพฯ Samsung Gear Manager เท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าเรื่องการแจ้งเตือนจากแอพฯบนสมาร์ทโฟนไปให้แสดงใน Samsung Gear S ได้ และส่งเพลงหรือรูปภาพเพื่อเปิดดูหรือเปิดฟังบน Samsung Gear S ได้อีกด้วย
การสั่งงานใน Samsung Gear S จะใช้การ Swipe นิ้วเป็นหลัก โดยจากหน้าแรก เมื่อปาดลงจะเป็นการเรียกเมนูปิดเสียงและปรับหน้าจอลงมา
เมื่อปาดไปทางซ้ายจะเจอกับการแจ้งเตือนต่างๆ
เมื่อปาดไปทางด้านขวาจะพบกับ Widget ที่เราตั้งค่าไว้ สามารถตั้งได้ถึง 5 หน้า
และกับเข้าเมนูด้วยการปาดขึ้นด้านบน ในหน้านี้จะพบกับไอค่อนเมนูและแอพฯต่างๆสำหรับเข้าไปใช้งาน
สิ่งที่ Samsung Gear S ทำได้เอง
Samsung Gear S สามารถกดโทรออกได้ โดยสามารถสั่งให้หมายเลขบนสมาร์ทโฟนโอนสายมายัง Gear S เพื่อรับสายในขณะที่สมาร์ทโฟนไม่ได้อยู่กับตัวได้ และยังสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 3G จากซิมที่ใส่ไว้ หรือเชื่อมต่อ Wi-Fi ก็ได้ สามารถเช็คอีเมล์และข้อความ, ลบ หรือ ตอบกลับด้วย onscreen keyboard ที่รองรับภาษาถึง 69 ภาษา แน่นอนว่ามีภาษาไทยด้วย
ขึ้นชื่อว่าเป็นของ Samsung แน่นอนว่าสามารถใช้งาน S Vocie สั่งงานด้วยเสียงได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูรายชื่อ หรือโทรออก, ตั้งปลุก ฯลฯ กดปุ่มตรงกลาง 2 ครั้ง เพื่อเรียกหน้า S Voice ขึ้นมาใช้งาน
ถ้าหากติดตั้งแอพฯเสริมจำพวก Nike+ Running ก็สามารถออกวิ่งได้โดยไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนไปด้วย และเมื่อวิ่งหรือออกกำลังกายเสร็จก็มาเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
หรือจะใช้ S Health ที่มาใน Samsung Gear S เลยก็ได้ นับก้าว, อัตราการเต้นของหัวใจ, การนอนหลับ และวัดรังสี UV เมื่ออยู่กลางแจ้งได้
ใน Samsung Gear S สามารถใช้ระบบนำทางจาก HERE สำหรับ Gear ได้ทันที โดยทำการค้นหาสถานที่และแตะเพื่อนำทางได้เลย แต่ทว่าจะเป็นการค้นหาเส้นทางสำหรับรถสาธารณะหรือเดินเท่านั้น และถึงแม้ว่าจะไม่มีเน็ต แต่ก็สามารถระบุตำแหน่งได้
Samsung Gear S เป็นอีกขั้นของสมาร์ทวอชที่สามารถใช้งานแยกจากสมาร์ทโฟนได้มากกว่าสมาร์ทวอชรุ่นอื่นๆ โดยสามารถใส่ซิมเพื่อโทรออก, รับสาย และยังเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต 3G เพื่อใช้งานด้านต่างๆได้โดยไม่ต้องพึ่งสมาร์ทโฟนมากเกินไป และด้วยหน้าจอโค้งทำให้มีพื้นที่แสดงผลมากขึ้น และออกแบบมาให้ใช้งานในด้านสุขภาพมากขึ้น สามารถใส่แล้วออกวิ่งได้ทันที ไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนให้ยุ่งยาก ง่ายๆ Samsung Gear S อำนวยความสะดวกในการใช้งานให้เราเพิ่มมากขึ้นนั่นเองครับ
Samsung Gear S สามารถหาซื้อได้ที่ Samsung Brand Shop ราคา 11,900 บาท มีสายสีดำและสายสีขาวให้เลือกใช้งาน
จุดเด่น
- โทรออก, รับสาย ได้
- เชื่อมต่อ 3G, Wi-Fi ได้
- ติดตั้งแอพฯเสริมเพื่อการใช้งาน stand alone ได้
จุดด้อย
- แบตเตอรี่ที่ให้มาน้อยไปนิด
- ปุ่มคีย์บอร์ดมีขนาดเล็กเนื่องจากจำกัดจากขนาดหน้าจอ