กูเกิ้ลปล่อย Android N เวอร์ชั่นสำหรับนักพัฒนาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ให้ลองเพียบ แต่ยังคงไม่ยอมบอกชื่อเต็ม!!

วันนี้ทีมนักพัฒนาจากกูเกิ้ลก็ได้ทำเซอร์ไพรซ์ครั้งใหญ่สำหรับสาวก Android ที่คอยติดตามข่าวคราวของเจ้าแอนดรอย์เวอร์ชั่นใหม่ที่มีชื่อย่อว่า N ด้วยการปล่อย Android N Developer Preview  เร็วกว่าปกติ เพื่อให้เวอร์ชั่นนี้เสร็จและส่งให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ทดสอบได้เร็วขึ้นกว่าเดิม (ตัวจริงยังคงวางแพลนปล่อยออกมาให้ได้ใช้งานในช่วงไตรมาส 3 เช่นเดิม )

Android N Developer Preview

และแน่นอนว่าถ้าใครที่อยากทดสอบแอนดรอย์ N ก็จะต้องต้องมีสมาร์ทโฟนที่สามารถรองรับการทำงานของแอนดรอย์เวอร์ชั่นใหม่ตัวนี้ ซึ่งนาย Hiroshi Lockheimer รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาของกูเกิ้ลสำหรับ Android, Chrome OS และ Chromecast ได้เขียนลงในสื่อออนไลน์วันนี้ สิ่งที่ทีมของเค้าตัดสินใจที่จะปล่อยตัว Developer Preview ออกมาเร็วกว่าปกติก็เพราะต้องการรับข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากนักพัฒนาคนอื่นๆ ที่สมัครใจเข้ามาช่วยทดสอบ โดยโพรเสสการดำเนินการของกูเกิ้ลวางไว้ว่าจะมีการปล่อยตัวอย่างออกมา 5 รุ่น และรุ่นสุดท้านไฟนอลจะปล่อยออกมาในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2016

Direct Reply notifications

ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่ใช้ API RemoteInput ตัวเดียวกับใน Android Wear ซึ่งสามารถตอบกลับข้อความได้ทันทีจากหน้า Notification เลยเพราะมีปุ่ม reply เพิ่มเข้ามาให้

Bundled notifications

ฟีเจอร์นี้จะเป็นฟีเจอร์ที่คอยจัดการเรื่องการแจ้งเตือนให้อยู่เป็นหวดหมู่อาทิเช่น เมื่อแอพตัวเดียวกันส่งข้อความแจ้งเตือนเข้ามามันจะทำการจัดกลุ่มว่าข้อความเหล่านี้มาจากไหนเอาไว้เป็นกลุ่มๆเพื่อความเป็นระเบียบ และผู้ใช้ก็สามารถกดขยายเพื่อดูรายละเอียดของการแจ้งเตือนแต่ละอันได้อีกด้วย นอกจากจะช่วยให้หน้าจอการแจ้งเตือนเป้นระเบียนแล้วก็ยังง่ายต่อการเปิดอ่านอีกด้วยค่ะ

Multi-Window Support

แอนดรอย์ N ได้เพิ่มการสนับสนุนสำหรับการแสดงผลที่มากกว่าหนึ่งแอปในเวลาเดียวกันบนอุปกรณ์มือถือ โดยแอปพลิเคชั่นทั้งสองอันสามารถทำงานแบบ side-by-side หรือเลือกข้างใดข้างหนึ่งในโหมดแยกหน้าจอก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานได้จะต้องถูกเขียนให้รองรับฟีเจอร์นี้ของแอนดรอย์ N ด้วย

Doze feature

ฟีเจอร์ประหยัดพลังงาน Doze พัฒนาไปอีกขั้น จากเดิมช่วยประหยัดพลังงานตอนที่อุปกรณ์วางอยู่นิ่งๆให้ใช้ได้ทุกกรณีเมื่อปิดหน้าจอเลย นอกจากนี้ Google ยังบอกอีกว่ามันทำงานโดยไม่กินหน่วยความจำมากและทำให้แอปพลิเคชันที่รันอยู่เบื้องหลังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วยว่าง่ายๆคือเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยลดการความต้องการใช้งานแรมของแอพพลิเคชั่นนั่นเอง

Data Saver

ตลอดอายุการใช้บนงานสมาร์ทโฟนโดยปกติโปรโมชั่นอินเตอร์เน็ตค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงด้วยตัวของมันอยู่แล้ว ในแอนดรอย์ N นี้ผู้ใช้งานสามารถเปิดโหมด Data Saver เพื่อประหยัดดาต้าการใช้งานที่ใช้เพียงเล็กน้อยในทุกๆกรณี  ไม่ว่าจะเป็นบริการข้ามแดนอัตโนมัติ , ใกล้ช่วงตัดรอบบิล หรือ แพ๊คเก็จดาต้าแบบเติมเงินก็ตาม สามารถเปิดใช้งานเพื่อประหยัดดาต้าได้ในจำนวนนึง

Direct Boot

สำหรับอุปกรณ์ที่เข้ารหัสข้อมูลในเครื่องไว้ ถ้าเครื่องรีบูตขึ้นมา แอพจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ก่อนผู้ใช้ล็อกอิน ซึ่งอาจมีปัญหาสำหรับแอพแจ้งเตือนบางประเภท (เช่น นาฬิกาปลุก) ในกรณีของแอนดรอย์ N จะอนุญาตให้แอพเข้าถึงข้อมูลบางอย่างได้แบบจำกัด ช่วยให้ไม่พลาดนัดหมายสำคัญถ้ามีปัญหารีบูตตัวเอง

OpenGL ES 3.2 API

AEP (Android Extension Pack) หรือที่รู้จักกันในนามของส่วนขยายกราฟิกที่กูเกิลเพิ่มเข้ามาใน Android 5.0 ซึ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ OpenGL ES เลยช่วยให้ OpenGL ES มีความสามารถด้านกราฟิกบนอุปกรณ์พกพาเทียบเท่ากับเดสก์ท็อปมากขึ้นนอกจากนี้แอนดรอย์ N ยังมีคอมไพเลอร์ตัวใหม่ Jack (Java Android Compiler Kit) รองรับแพลตฟอร์ม Java 8 แล้ว สามารถใช้งานได้กับ Android เวอร์ชั่นเก่าๆ อย่าง Gingerbread ได้ด้วย (ไม่จำกัดเฉพาะ N เท่านั้น)

ที่มา Android Developer Blogs