นายอัลลอยซิอุส โลว์ นักเขียนคอลัมต์ชื่อดังของ CNET ได้เขียนรีวิว Apple Watch และ Samsung Gear S2 ไว้ด้วยกันอย่างน่าสนใจ โดยเอาสมาร์ทวอชชื่อดังทั้ง2 แบรนด์มาใช้งานในลักษณะเดียวกัน และใส่ไว้ที่ข้อมือพร้อมกันข้างละเรือน! เรามาอ่านเรื่องราวของเค้ากันครับ
ก่อนอื่นนายโลว์ออกตัวก่อนว่า ตลอดมานี้เค้าไม่ใช่คนที่ชื่นชอบนาฬิกาข้อมือนัก และยิ่งหลังจากที่ได้รู้ว่าโนเกีย 3210 นั้นสามารถบอกเวลาได้เหมือนกันโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปตั้งเวลาหรือเปลี่ยนถ่าน เค้าก็ปล่อยนาฬิกาที่ใช้อยู่กองไว้ข้างในลิ้นชักโดยไม่เคยกลับไปใช้มันอีกเลย จนกระทั่งการมาถึงของเพ็บเบิ้ล สมาร์ทวอช (Pebble Smart Watch) นายโลว์ซึ่งได้ปล่อยข้อมือให้ว่างโล่งมาเกือบ 10 ปี ก็ได้ลองเอามาใช้สักพักนึง แต่ถึงกระนั้นเค้าก็ไม่ได้ปลื้มมันสักเท่าไร
จากที่พวกเราอ่านๆ มา ก็คงบอกกันได้นะครับ ว่านายโลว์คนนี้เป็นคนที่ไม่อินกับนาฬิกาเอาซะเลย แต่มันก็ไม่ใช่มีแค่เค้าเพียงคนเดียวสักหน่อย เพราะจากรายงานของ Kantar research ทำให้ทราบได้ว่ามีเพียง 3% ของประชากรสหรัฐฯ ทั้งหมดที่อายุเกิน 16 ปีเท่านั้น ที่มีสมาร์ทวอชไว้ใช้งาน อย่างไรก็ดี เจ้า Apple Watch ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Watch OS2 ของ Apple และ Gear S2 สมาร์ทวอชของ Samsung ที่มี Tizen เป็น OS ก็เป็นที่น่าสนใจไม่น้อย ดังนั้นนายโลว์เลยตัดสินใจว่าจะมาลองกับทั้ง 2 แบรนด์ดูซักตั้ง แล้วดูสิว่าจะมียี่ห้อไหนที่จะสามารถดึงเค้าให้กลับมาใส่นาฬิกาอย่างจริงจังได้อีกครั้งนึง!?
หมายเหตุ ความเห็นทั้งหมดเป็นความคิดส่วนตัวของนายโลว์ล้วนๆ….. บวกกับความคิดเห็นของผู้แปลแซมๆ ไว้อีกนิดนึงครับ
Getting set up
เพื่อความเท่าเทียมกัน นายโลว์ได้จับคู่ Apple Watch กับ iPhone 6S Plus และ เอา Samsung Gear S2 จับคู่กับ Galaxy Note 5 โดยทั้งคู่จะถูกตั้งค่าเหมือนกันทั้งหมด ทั้งอีเมล์ส่วนตัว และอีเมล์ทำงาน รวมถึงแอฟทั้งหลายด้วย และจะลองสลับซิม (เบอร์เดียวกันทั้งสองเครื่อง) หลังจากการทดสอบเข้าวันที่ 3 เพื่อที่จะดูว่า สมาร์ทวอชตัวไหนจะจัดการข้อความได้ดีกว่ากัน
ในตอนแรกนายโลว์บอกว่าจะใส่มันพร้อมกันที่ข้อมือเดียวทั้ง 2 ตัวด้วยซ้ำ แต่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยสบายเท่าไร เลยเอามาใส่ไว้เรือนละข้างแทน และทดลองใช้มันพร้อมๆ กันไปเลยทั้ง 4 วัน
Notifications Keep On Rolling
ขณะที่สมาร์ทวอชของ Apple นั้นมีจุดเด่นอยู่ที่ Ecosystem หรือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple ได้อย่างลงตัวและเป็นระบบเหมือนมีฐานข้อมูลมาจากเครื่องเดียวกัน เจ้า Samsung Gear S2 นั้นใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen ซึ่งพัฒนามาด้วยตัวเอง และถึงแม้ว่ามันอาจจะสามารถรองรับกับระบบแอนดรอยด์ได้ทุกเครื่อง แต่ก็ยังไม่สะดวกราบรื่นนัก ซึ่งเราสามารถเห็นได้ชัดเจนจาก Google Now ที่ปกติ แอนดรอยด์สมาร์ทวอชรุ่นอื่นๆ จะสามารถแสดงผลของการรายงานจาก Google Now ในสมาร์ทวอชได้ทั้งหมด แต่ Gear S2 จะสามารถรายงานได้แค่ว่ามีการ์ดการรายงานจาก Google Now อยู่เท่านั้น
อย่างไรก็ดี ถ้าพูดถึงเรื่องการแจ้งเตือนแล้ว สมาร์ทวอชทั้ง 2 แบรนด์ต่างทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม Samsung Gear S2 มี ขอบฟังค์ชั่นสำหรับเปิดอีเมล์ ซึ่งผู้ใช้สามารถพิมพ์ตอบอีเมล์ได้ทันทีโดยใช้คีย์บอร์ดอันเล็กๆ ที่จอ หรือใช้การสั่งงานด้วยเสียงขณะที่ Apple Watch สามารถสั่งงานด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว
สำหรับแอฟพวก third party ที่ไม่ได้ถูกฝังอยู่ในเครื่องแต่แรกเช่น Facebook, Twitter, Instagram ในสมาร์ทวอชทั้งสองเรือนยังถือว่าทำงานได้ไม่เต็มฟังชั่นเท่าไรนัก โดยทั้งคู่จะถูกแจ้งเตือนเข้ามาเมื่อมีการอัดเดทแจ้งเตือน แต่ไม่สามารถที่จะแสดงรายยละเอียดของมันได้ เช่น ถ้ามีใครซักคนมาโพสที่เฟซบุ๊คของคุณ สมาร์ทวอชทั้งสองจะแจ้งเตือน แต่คุณไม่สามารถที่จะเปิดดูจากในสมาร์ทวอชทั้งสองได้เพียงแค่รู้ว่ามาการโพสเฉยๆ เท่านั้น ในจุดนี้ Apple Watch ยังสามารถเปิดดูรูปจาก Instagram ได้
สมาร์ทวอชทั้งคู่สามารถทำได้ดีในการแจ้งเตือนข้อความ แต่เราก็ยังต้องใช้สมาร์ทโฟนของเราเพื่อเปิดดูข้อความอยู่ดี ดังนั้นสมาร์ทวอช – ณ ขณะนี้ – ยังไม่ใช่ตัวช่วยที่จะช่วยให้คุณสามารถเก็บสมาร์ทโฟนของคุณอยู่ในกระเป๋าได้ตลอดเวลา
ผู้ชนะ : เสมอกัน
Two lookers
ทั้ง Apple Watch และ Gear S2 ต่างก็ได้ถูกออกแบบมาได้อย่างสวยงามสมกับเป็นนาฬิกาข้อมือทั้งคู่ แต่ดูเหมือนนายโลว์จะชอบ Apple Watch มากกว่าในแง่ของรูปทรงและการออกแบบของนาฬิากาครับ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้มากกว่า และดูหรูหรากว่า
ในขณะที่ Gear S2 ในเวอร์ชั่นคลาสิคก็ถือว่าสวยใช้ได้ แต่เค้ากลับชอบ Gear S2 ในเวอร์ชั่นสปอร์ตตรงที่ตัวเรือนได้ถูกออกแบบให้ทันสมัยและดูคล่องตัวมากกว่าเวอร์ชั่นคลาสสิค แต่ก็ยังสวยสู้ Apple Watch ไม่ได้อยู่ดี ถึงกระนั้นก็ตาม Gear S2 นั้นก็มีดีที่เหนือกว่าสมาร์ทวอชในตลาดทุกรุ่นตรงที่เจ้าวงแหวนอัจฉริยะที่สามารถหมุนเพื่อเลือกใช้งานฟังชั่นต่างๆ ของนาฬิกาได้อย่างเหนือชั้น
โดยขณะที่ Apple Watch นั้นใช้การหมุนลูกปัดนาฬิกาด้านข้างเพื่อเลื่อนซูมเข้าออกหรือขึ้นลงในฟังชั่นต่างๆ ของนาฬิกา และสามารถสลับข้างในการใช้งานเพื่อกลับหัวนาฬิกาไปอีกข้างสำหรับคนถนัดซ้ายซึ่งจอจะกลับหัวตามเพื่อความถนัดมือ ตรงจุดนี้ Apple Watch ทำได้ดีกว่า ในขณะที่ Gear S2 ยังทำไม่ได้ในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนักเพราะว่า จุดหลักของการควบคุมหลักของ Gear S2 อยู่ที่วงแหวนอยู่แล้ว
Apple ชนะในเรื่องรูปทรงการออกแบบนาฬิกาที่ดูหรูหรามาก ส่วนเจ้า Gear S2 ออกแบบได้ไม่ค่อยถูกใจเท่าไรนักและ Apple Watch ก็ยังสามารถปรับขนาดของสายและมีสายหลากหลายแบบให้เลือกมากกว่า
ผู้ชนะ : Samsung Gear S2 อย่างไรก็ดี นายโลว์ยังยกให้ Samsung ชนะครับ เนื่องจากการออกแบบระบบวงแหวนอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือนของ Samsung Gear S2 นั้นเอง
Usage and stamina
ในเรื่องของการออกแบบระบบเพื่อการประหยัดพลังงาน สมาร์ทวอชทั้ง 2 ต่างก็สามารถปิดหน้าจอได้อัตโนมัติจนกว่าผู้ใช้จะพลิกข้อมือขึ้นมามอง จอถึงจะเปิดสว่างออก โดย Apple Watch จะมีการเปิดหน้าจอที่เร็วกว่า Gear S2 เล็กน้อย และมีการตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างแม่นยำกว่าโดยเวลาที่นายโลว์ต้องหงายข้อมือขึ้นมาดูเวลาจริงๆ เท่านั้นถึงจะเปิดหน้าจอสว่างออก แต่ Samsung Gear S2 นั้น ดูเหมือนเซนเซอร์จะมีการตอบสนองที่ค่อนข้างไวเกินไป เพราะว่าบางครั้งจอมันก็เปิดเอง ทั้งๆ ที่ไม่ได้ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเลย นายโลว์ได้กล่าวอีกว่า Samsung ควรจะมีการปรับปรุงระบบในส่วนนี้ให้มีการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้นครับ
แต่เมื่อมาพูดถึงเรื่องความอึดแล้ว เจ้า Samsung Gear S2 นับว่ามีภาษีดีกว่าค่อยข้างมากเมื่อเรามาพูดถึงระยะเวลาการใช้งาน ขนาดที่ว่า Apple Watch ได้อัพเกรดเฟิร์มแวร์ของตัวเองเป็น Watch OS 2 แล้วก็ยังอยู่ได้แค่ 1 วันครึ่งก่อนที่จะต้องชาร์จไฟ ในขณะที่ Gear S2 นั้นสามารถอยู่ได้ถึง 2 วันเต็มๆ
ในเรื่องของการวัดสุขภาพ สมาร์ทวอชทั้งสองนั้นมีความสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจและวัดก้าวเดินได้ทั้งคู่ โดย Apple Watch ทำเวลาได้การวัดได้เร็วกว่า Gear S2 เล็กน้อยโดยขณะที่ ทั้ง 2 ตัวนั้นให้ผลที่แน่นอนและเที่ยงตรงทั้งคู่ โดยทั้งคู่ต่างก็สามารถแจ้งเตือนกระตุ้นให้เราเดินออกแรงหรือขยับแข้งขาบ้างหากนั่งอยู่กับที่เป็นระยะเวลานานๆ และ Samsung Gear S2 ยังมีเมนูให้เราสามารถบันทึกอัตราการดื่มน้ำของเราต่อวันได้อีกด้วย
ผู้ชนะ : Apple Watch ในฐานะที่มีการตอบสนองได้ไวกว่า (เล็กน้อย) ในขณะที่ Gear S2 ก็มีจุดเด่นที่ลืมไม่ได้ก็คือสามารถอยู่ได้นานกว่าถึง 2 วันต่อการชาร์จแบต 1 ครั้ง (Apple Watch ได้วันครึ่ง) ในส่วนนี้ผม (ผู้แปล) ไม่ค่อยเห็นด้วยกับแกนะครับ เพราะยังไงๆ อัตราการบริโภคพลังงานก็ยังถือว่าเป็นจุดที่ต้องพิจารณาให้มากที่สุดจุดนึงของสมาร์ทวอชอยู่ดี
Which one do Mr. Low like better?
สำหรับการนี้ นายโลว์บอกว่า หากจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เค้าเองจะขอเลือก Apple Watch โดยออกตัวว่าที่เค้าชอบนั้น เพราะว่าเค้าชอบดีไซน์และตัวเรือนของมันมาก โดยไม่ได้มองจากความเป็นนาฬิกาอัจฉริยะของทั้ง 2 แบรนด์เลย (ซะงั้น ทั้งๆ ที่ Gear S2 ทำงานได้ค่อนข้างดีมากและครบเครื่องกว่าในบางจุด) แต่สุดท้ายนี้นายโลว์ก็สรุปว่า ทั้งสองแบรนด์ต่างก็ยังไม่มีแรงจูงใจมากพอที่จะทำให้เค้ากลับมาใส่นาฬิกาได้อีกครั้งครับ (ช่างเลือกมากซะจริงๆ)
อย่างไรก็ดีสำหรับ Samsung Gear S2 นั้น ยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกไม่น้อยนะครับ เดี๊ยวผมจะขอนำเสนอให้ดูกันว่า Samsung Gears S2 นั้น มีความสามารถอะไรอีกบ้างที่นายโลว์ไม่เคยเอ่ยถึง
Things that Mr. Low had missed on GEAR S2
IP68 – Samsung Gear S2 นับเป็นสมาร์ทวอชที่มีหน้าจอทัชสกรีนตัวเดียวในขณะนี้ที่ได้รับ มาตรฐาน IP68 ที่สามารถกันน้ำกันฝุ่น โดยสามารถแช่อยู่ในน้ำลึก 1.5 เมตรเป็นเวลา 30 นาทีครับ พร้อมกันยังกันฝุ่น กันกระแทกได้ตามมาตรฐานเป็นอย่างดี อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม – ที่นี่
[ลุยขนาดนี้ยังรอดนะครับ Samsung Gear S2]
Mr. Time Maker – ใช่ครับ Samsung Gear S2 สามารถออกแบบและตกแต่ง Watch face หรือ หน้าปัดนาฬิกาได้หลากหลายมากครับ ทั้งสามารถที่จะตกแต่งหน้าปัดนาฬิกาได้เองหรือจะสามารถเอาหน้าปัดนาฬิกาของผู้ใช้แอฟเดียวกันจากการอัพโหลดลงเซิฟเวอร์มาตกแต่งได้เสมอ (เปลี่ยนยี่ห้อนาฬิกาได้หลากหลายยี่ห้อเลยทีเดียวเชียว)
Line Apps – Samsung Gear S2 มีแอฟ Line ที่เราสามารถโต้ตอบกับเพื่อนได้ทันทีโดยสามารถที่จะเลือกตอบกลับเป็นสติ๊กเกอร์ หรือว่าพิมพ์ตอบกลับผ่านคีย์บอร์ดได้ครับ แถมเวลาเพื่อนคนไหน Line มา ภาพด้านหลังจอจะขึ้นเป็นรูป Display ของเพื่อนด้วย
Smart Ring – ระบบวงแหวนอัจฉริยะ ซึ่งก็คือเจ้าวงแหวนตัวเดิมที่อยู่บน Gear S2 นั้นล่ะฮะ ในอนาคตนี้มันจะถูกเพิ่มความสามารถได้อย่างน่าทึ่งครับ โดยข่าวที่ได้รับมานั้น ได้มีการจดสิทธิบัตรในการที่จะสามารถให้เราได้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบไฟต่างๆ ภายในบ้านโดยผ่านเครือข่าย WiFi ที่เชื่อมกันทั้งระบบครับ นับเป็นการก้าวเข้าสู่ Internet of Things อย่างแท้จริง อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม – ที่นี่
Tip Talk – ทิปทอล์ค นับเป็นฟังชั่นเพื่ออนาคตอย่างแท้จริงโดยเป็นเทคโนโลยีชนิดใหม่ล่าสุดที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาของ Samsung ครับ โดยจะสามารถส่งสัญญาณเสียงผ่านร่างกายของเราเข้าไปที่หูของเราโดยตรงเช่น หากใส่ Gear S2 ที่มือซ้าย เพียงเอานิ้วชี้ซ้ายแตะที่หู สัญญาณเสียงก็จะสามารถส่งเข้ามาทางหุได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องมีลำโพงครับ สะดวกและปลอดภัยมาก หากฟังชั่นสามารถใช้งานได้จริงเมื่อไรก็จะถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดงานนึงของโลกเลยครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม – ที่นี่
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ทำให้ Samsung Gear S2 นั้นดูจะมีความน่าสนใจมากขึ้นเลยทีเดียวครับ แต่ก็ต้องดุไปยาวๆ ว่าในอนาคตจะมีสมาร์ทวอชที่น่าสนใจอื่นๆ ออกมาสู่ตลาดอีกหรือไม่ ไว้เรามาดูกันอีกทีครับ
SOURCE : CNET