อย่างที่ทราบกันว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ของซัมซุง อย่าง Samsung Galaxy S9 และ S9 plus นั้น ก็มีข่าวลือออกมาต่างๆนาๆ ว่าทั้งสองรุ่นนี้จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ AR emoji ที่คล้ายกับ Animoji บน iPhone X ของ Apple
ซึ่งแหล่งข่าวที่รายงานข่าวลือนี้กล่าวในเชิงที่ว่าแม้ฟีเจอร์ใหม่ของ Samsung นั้นจะดูก้าวหน้ากว่าคู่แข่งเป็นอย่างมากก็ตาม แต่การเปิดตัวฟีเจอร์นี้ช้ากว่าก็ทำให้ผู้ชมหลาย ๆ ท่านรู้สึกค้างคาใจและแอบสงสัยว่า เอ๊ะ … สรุปแล้วก็อปเค้ามารึเปล่า วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน
คำถามที่หลายคนสงสัย : AR Emoji ก็อปหรือไม่ !?
ด้วยเหตุที่หลายคนต่างสงสัยนี้เอง ทำให้ทางผู้บริหารของซัมซุงจึงต้องออกมาชี้แจงกับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า ฟีเจอร์ เอเอาร์อีโมจิ ใน Galaxy S9 ของเค้านั้นไม่ได้ก็อปมาแต่อย่างใด!! เข้าใจตรงกันนะ
เพราะฟีเจอร์นี้ซัมซุงเอง ทำการซุ่มพัฒนาคุณสมบัติและการทำงานต่างๆ ของฟีเจอร์นี้มานานหลายปีแล้ว และวิธีการใช้งานของฟีเจอร์นี้ก็แตกต่างจากอะนิโมจิของแอปเปิ้ลโดยสิ้นเชิง เพราะฟีเจอร์เออาร์อีโมจิเป็นการสร้างอวาตาร์ดิจิทัลจากใบหน้าของผู้ใช้งานเลย ส่วนอะนิโมจินั้น เป็นเพียงการสร้างอีโมจิเคลื่อนไหวที่มีอยู่แล้วด้วยการเคลื่อนไหวใบหน้าและบันทึกเสียงของผู้ใช้เท่านั้น
นอกจากนี้ “ DJ Koh ” ยังได้กล่าวอีกว่า ซัมซุงเองได้เริ่มทำการค้นคว้า ทดลอง และพัฒนา ในเรื่องของการทำฟีเจอร์ภาพเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติมาตั้งแต่ปี 2001 แล้ว และโดยปกติ Samsung มักจะใช้เวลาในการพัฒนาโปรเจคใหม่ๆ เป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะมีการประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็ฟังดูมีเหตุผล และในความเป็นจริงก็ไม่น่าเป็นไปได้ด้วยว่าทาง Samsung จะสามารถพัฒนาโค้ดสำหรับเออาร์อีโมจิได้ภายในระยะเวลา 2 – 3เดือนหลังจากที่ iPhone X ได้รับการเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2560 แน่ๆ เพราะถ้าหากทำได้ในระยะเวลาอันสั้นขนาดนั้นก็คงปล่อยฟีเจอร์นี้ออกมาให้เราๆ ได้ใช้งานก่อนแอปเปิ้ลแล้วแน่ๆ
ว่ากันตามตรงแบบไม่เข้าข้างใครนะ เท่าที่ทราบมาเจ้าฟีเจอร์ 3D อวาตาร์ เนี่ยมันก็มีให้ใช้งานบนคอมพิวเตอร์ PC มาเกือบทศวรรษแล้วนะ ยกตัวอย่าง เช่น Logitech เว็บแคม ที่มีฟีเจอร์เอฟเฟ็กต์อวตารซึ่งเป็นตัวละครดิจิทัลที่มีชีวิตชีวาด้วยการเคลื่อนไหวใบหน้าและเสียงของผู้ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2008 สมาร์ทโฟนยังไม่ล้ำอะไรขนาดนี้เลย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าการที่ซัมซุงจะนำเรื่อง 3D อวตาร์มาพัฒนาต่อให้สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทโฟนก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ยิ่งถ้าบอกว่าก็อปอนิโมจิมานี่ก็คงไม่น่าจะไม่ใช่อย่างแน่นอน ^^
แหล่งข่าว : Wall Street Juarnal