หลังจากปล่อยให้สาวกซีรี่ย์โน๊ตรอกันมาเกือบปี ก็ได้เวลาที่เราจะได้ยลโฉมหน้าของ Samsung Galaxy Note 4 เสียทีซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นวัสดุพลาสติก จึงมักที่เกิดปัญหา เสียโครเมียมลอก ถือแล้วรู้สึกไม่หรูเป็นต้น แต่ในครั้งนี้ซัมซุงได้เลือกใช้วัสดุโลหะเข้ามาแทน พลาสติกชุปแล้วนั้นเอง ทำให้การถือนั้นมีความรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น
และเพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลาเรามาทำความรู้จักกับ Samsung Galaxy Note 4 กันเลยดีกว่า
แล้วนี้ก็คือเจ้า Samsung Galaxy Note 4 นั้นเองจ้า โดยมาพร้อมหน้าจอขนาด 5.7นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด QHD 1440×2560 พิกเซล
ด้านบนจะมีกล้องหน้าความละเอียด 3.7ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.9 รับแสงได้ดีกว่าเดิมมาก พร้อมกับมุมมองที่กว้างถึง 90องศา พร้อมเซ็นเซอร์แบบจัดเต็ม นอกจากนี้มุมซ้ายจะมีไฟแจ้งเตือนมาด้วยเช่นกัน
ด้านล่างยังคงคอนเซปเดิม มีปุ่มโฮมเป็นหลัก ซึ่ง Note 4 จะรองรับการสแกนรายนิ้วมือด้วย ส่วนปุ่มด้ายซ้ายจะเป็นปุ่ม recent app และปุ่มขวาจะเป็น ปุ่มย้อนกลับ
ด้านข้างซ้าย จะมีเพียงปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงเท่านั้น ตัวขอบข้างได้มีการนำวัสดุโลหะเข้ามาใช้แล้ว ตัดได้ขอบ ไดมอนคัตเพิ่มความสวยงามมากยิ่งขึ้น
ด้านข้างขวาจะมีปุ่มเพาเวอร์ ด้านบนจะมีร่องไว้งัดฝาหลังออก
ด้านบนจะพบช่อง รูแจ็ค 3.5 มม. และรูไมโครโฟนตัวที่สอง ถัดไปอีกนิดจะเป็นช่องอินฟราเรดพอร์ท
ด้านล่าง จะพบรูไมโครโฟน 2ตัวด้วยกัน ส่วนช่องเสียบ USBนั้นเป็นแบบ 2.0 เหมือนเดิมแล้ว เนื่องจากทางซัมซุงได้แจ้งมาว่าเพื่อให้หัวเสียบได้ใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆได้ง่ายขึ้น ด้านหลัง Samsung Galaxy Note 4 จะมีลักษณะเป็นแบบเดียวกับรุ่นพี่ Note 3 แต่ในครั้งนี้ได้ตัดรอยเย็บตรงขอบออกไป พร้อมกับทำให้ตัวฝาหลังนั้นมีความนุ่มขึ้นให้รู้สึกเหมือนเราจับหนังอยู่จริงๆ
ตัวกล้องหลังมาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยีกันสั่น OIS และไฟแฟลช LED ดวงใหญ่ที่ให้แสงได้สว่างมากๆ ข้างๆกันยังมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจมาด้วย
ช่องล่างจะมีเพียงช่องลำโพงเท่านั้น เสียงที่ได้นั้นดังชัดเจนดีตามมาตรฐานของซัมซุง และมุมขวาล่างก็จะพบกับปากกา S-Pen ในครั้งนี้ซัมซุงได้ปรับปรุงประสิทธิภาพให้มีการลงน้ำหนักได้มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้รู้สึกถึงการเขียนได้ดีเหมือนเขียนลงบนกระดาษจริงๆ
เมื่อแกะฝาหลังออกมาก็จะพบกับแบตเตอรี่ 1ก้อน ความจุ 3,220 มิลลิแอมป์ ภายในตัวเครื่อง ตัวฝาหลังมี NFC ติดมาให้เช่นเดิม
ช่องใส่ซิมจะเป็นแบบ microSIM จะอยู่ตรงตำแหน่งข้างแบตเตอรี่ ส่วนช่องใส่ microSD จะอยู่ข้างๆกับกล้องนั้นเอง รองรับได้สูงสุดที่ 128GB
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถูกใจใครหลายๆคนกันบ้างมั้ยครับ หลังจากที่แอดมินได้จับตัวเป็นๆ ยอมรับเลยนะครับว่า สวยกว่าในรูปมาก เมื่อได้ถือมาลองใช้รู้สึกถึงความพรีเมี่ยม และความแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับท่านใดที่สนใจนะครับ อีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีงาน มหกรรมมือถือสุดยิ่งใหญ่ Thailand Mobile Expo 2014 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 2-5 ตุลาคมนี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ คาดว่าในงานน่าจะมีเครื่องให้ทดลองเล่นแน่นอน ส่วนจะมาทันงานมั้ยต้องมาลุ้นกันครับ
ส่วนใครที่กำลังมองรุ่นนี้อยู่ก็ลองเข้ามาอ่านดูก่อนได้ส่วนภาคหน้าจะเป็นส่วนของ Software ยังไงติดตามกันได้นะ