หลังจากที่ห่างหายการรีวิวไปพักใหญ่ วันนี้เราก็มีสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กของปี 2017 ที่อยู่ในซีรี่ย์ยอดฮิตอย่างซีรี่ย์ J7 ที่มีชื่อว่า Samsung Galaxy J7 Core ซึ่งก่อนหน้าได้ทะยอยปล่อยรุ่นพี่ออกมาอวดโฉมกันไปเป็นที่เรียบร้อยไล่มาตั้งแต่พี่คนโต J7 (2017) ตามมาด้วยพี่คนกลาง J7 Pro และน้องเล็กสุดในซีรี่ย์ J7 คอร์ นั่นเอง ว่าแต่ …. น้องเล็กสุดตัวนี้เค้าจะมีความแตกต่างจากพี่ๆ ยังไง[บ้างเราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
Samsung Galaxy J7 Core
ส่วนแรกเราขอเริ่มต้นด้วยเรื่องของการดีไซน์ก่อนเลย เพราะแรกพบสบตากับเจ้าน้องเล็กตัวนี้ ก็ทำให้เรานึกถึงสมาร์ทโฟนในยุคก่อนหน้าขึ้นมาซะดื้อๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้วขอบโค้มมนรับกับฝ่ามือทำให้จับถือเต็มไม้มือและถนัดดี รวมไปถึงปุ่มต่างๆ ที่ยังคงกลิ่อายการดีไซน์ของมือถือซัมซุงยุคแรกๆ และปุ่มโฮมที่นูนขึ้นมาจากหน้าจอทำให้แยกสัมผัสการกดปุ่มกับจอออกจากกันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แค่เห็นแว๊บแรกก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือมือถือของค่ายซัมซุง
สมัยนี้เรียกได้ว่าลักษณะตัวเครื่องที่สามารถถอดฝาหลังออกมาได้ แทบจะไม่มีให้เห็นแล้วในรุ่นใหม่ๆ การแกะฝาหลังเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ โลโก้สกรีนคำว่า Duos บนฝาหลังเพื่อแสดงความเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับ 2 ซิมได้ มีแฟลชและลำโพงด้านหลังขนาบข้างกล้อง มีโลโก้ที่เว้นระยะอยู่ถัดจากกล้องลงมาด้านล่างเล็กน้อย เรียกได้ว่าในยุคนั้นใครที่ใช้มือถือโฟนลักษณะนี้ค่อนข้างจะอินเทรนเลยทีเดียว เพราะสมัยนั้นการดีไซน์ยังมีอยู่ในรุ่นที่เป็นไฮเอนท์แทบทุกรุ่น
ในส่วนของดีไซน์จบก็มาต่อกันที่ส่วนของฟังก์ชั่นลูกเล่น ที่เราเรียกว่าฟีเจอร์ภายในเครื่องของรุ่นนี้กันบ้าง เท่าที่ได้คลุกคลีใช้งานดูถือว่ามีความใหม่และทันสมัยมากเลยทีเดียว ไล่ตั้งแต่ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 7.0 (Nougat) โดยใช้อินเตอร์เฟซที่ปรับเปลี่ยนมาเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่แค่เพียงปัดหน้าจอขึ้น-ลง ( แบบเดียวกับ Galaxy S8 )ก็เรียกดูเมนูต่างๆได้
หรือจะเป็นฟีเจอร์ที่เห็นกันบ่อยๆ ในซีรี่ส์ J อย่าง Multi Window ที่ช่วยให้สามารถใช้งาน 2 แอพฯ พร้อมกันในคราวเดียว แต่ความพิเศษของฟีเจอร์ที่ให้มายังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะนอกจากจะมีฟังก์ชั่นเด็ดที่เรากล่าวไปก่อนหน้าแล้ว ก็มีฟังก์ชั่นที่สามารถเปิดเมนูกล้องไปพร้อมกับการใช้งานฟังก์ชั่นอื่นๆ ได้ด้วย นั่นก็คือ สามารถถ่ายภาพพร้อมกับอัพเดทโลกโซเชียลไปด้วยแบบไม่มีสะดุด และในส่วนของการเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวของเรานั้นก็สบายใจหายกังวลได้เลย เพราะเค้ามีฟีเจอร์ในการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง Secure Folder มาให้เราได้ใช้งานกันด้วยการทำงานของระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงจะช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญให้ปลอดภัยแน่นอน
หรือจะเป็น Dual Messenger แชทได้พร้อมกัน 2 บัญชีในแอพฯ เดียวกัน ไม่ว่าจะแชทผ่าน Facebook , Line หรือ WhatsApp ก็แยกเป็น 2 บัญชี และช่วยแยกบัญชีด้วยเลข 1 และ 2 บนมุมไอคอนแอพฯ นั้นๆ รับรองว่าไม่มีแชทผิดคนแน่นอน สำหรับฟีเจอร์ Game Launcher ที่ช่วยจัดระเบียบและซ่อนแอพฯ เกมออกจากหน้าแอพฯ ปกติและยังมี Game Tools ที่ช่วยล็อคปุ่มกดไม่ให้เผลอไปโดนในขณะเล่นเกมให้ขุ่นเคืองอารมณ์ อีกทั้งยังมีโหมดปิดการแจ้งเตือนที่ขัดจังหวะความสนุกสนานเพลินไปกับเกมส์ และยังอัดวิดีโอขณะที่คุณเล่นเกมได้ด้วย
จากการทดลองใช้งานประมาณเกือบๆสัปดาห์ การใช้งานหลัก ๆ เป็นที่น่าพอใจสำหรับสมาร์ทโฟนในระดับราคาไล่ๆกัน คือเหมาะกับการใช้งานทั่วไป เช่น ถ่ายรูป แชท อัพเดทโซเชียล อะไรประมาณนั้นมากกว่า ส่วนการเล่นเกมตัวนี้คงต้องขอบายเกมจำพวกกราฟฟิคหนักๆ เยอะๆ เพราะจากที่ลองเล่น ROV กระตุกพอสมควรแม้จะปรับการแสดงผลเป็นแบบต่ำสุด ปิดเฟรมเรทระดับสูง ปิดโหมดภาพ HD แล้วก็ยังมีอาการอยู่แต่ถ้าเป็นเกมกราฟฟิคเบาๆ เล่นได้สบายๆ
รุ่นนี้เค้ามาพร้อมชิพเซต Exynos 7870 แรงระดับ Octa-core 1.6 GHz, มี RAM ที่ 2 GB และพื้นที่ ROM ในเครื่อง 16 GB ส่วนการเก็บไฟล์ภาพและข้อมูลต่างๆ ก็หมห่วงว่าจะไม่พอเพราะเค้าเพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256 GB กันเลยทีเดียว (มีสลอตแยกชัดเจนด้วยนะ) และในส่วนของพลังงานตัวนี้ก็ให้มาเยอะพอตัวถึง 3,000 mAh คือถ้าเป็นคนติดมือถือก็อาจจะวันเดียวหมด แต่ถ้าใช้บ้างแต่ไม่ไม่เยอะอะไร ก็อยู่ได้ 1-2 วัน ถัดมาในส่วนของการเชื่อมต่อในรุ่นนี้ ก็มีมาให้ตามมาตรฐานสมาร์ทโฟนทั่วไป ทั้งการเชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE, Wi-Fi ใช้งาน 2 ซิม 2 เบอร์ได้ในตัว (รองรับไมโครซิม)เยอะแยะมากมาย แต่ … ไม่มีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือนะ
และส่วนสำคัญ (สำหรับสาวๆ) ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของ ” กล้องถ่ายภาพ ” ตัวนี้มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีรูรับแสง F/1.9 และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช และแฟลชหน้าจอ (Screen Flash) นับเป็นไฮไลท์ของการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าไปแล้วก็ว่าได้ ส่วนโหมดบิวตี้สำหรับเซลฟี่สามารถใช้ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า สามารถปรับสีผิว ใบหน้าเพรียว และตาโตได้สูงสุด 7 ระดับ ส่วนแฟลชกล้องหน้า แนะนำให้เปิดแบบออโต้เพื่อให้กล้องช่วยควบคุมแฟลช ส่วนการเปิดแฟลชแบบ On จะเป็นการส่องสว่างแทน อาจทำให้ตาพร่าได้เมื่อเจอแสงแฟลชนานๆ
และยังสั่งงานถ่ายภาพด้วยการชูมือหรือปาล์มเซลฟี่ก็ได้ ส่วนโหมดถ่ายภาพนั้นก็ยังใช้งานสะดวกและเพียงพอกับการถ่ายภาพทั่วไป ทั้งโหมดออโต้ที่ประมวลผลภาพแล้วกดชัตเตอร์ได้เลย หรือโหมดถ่ายภาพแบบโปรที่สามารถปรับค่า ISO ปรับความสว่าง ปรับไวท์บาลานซ์ และระบบการวัดแสงแบบในกล้องจริง ทั้งวัดแสงเฉพาะจุด เฉลี่ยหนักกลางและแบ่งส่วนพื้นที่ได้อย่างสมจริงก็มีให้เลือกใช้งาน ถือว่าครบจบในเครื่องเดียวแถมราคาก็น่ารักอีกด้วย คือถ้าจะมีลิสรายชื่อสมาร์ทโฟนในงบไม่เกินหมื่น ยังไงก็อย่าลืมเอาเก็บรุ่นนี้ไปไว้พิจารณากันอีกสักรุ่นกันนะ
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปสเปค
ขนาดตัวเครื่อง – 152.4 × 78.6 × 7.6 มิลลิเมตร, หนัก 166.6 กรัม
รองรับซิม – 2 SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
หน้าจอ – ขนาด 5.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED
ความละเอียดหน้าจอ – 720 x 1280 พิกเซล (320ppi)
ระบบปฏิบัติการณ์ – Android 7.0 (Nougat)
ชิปการประมวลผล – Exynos 7870 Octa-core 1.6 GHz
GPU – Mali-T830
หน่วยความจำภายนอก – เพิ่มไมโครเอสดีการ์ดได้สูงสุด 256 GB
หน่วยความจำภายใน – 16 GB,แรม 2 GB
กล้องหน้า 5 MP f/1.9 กล้องหลัง 13 MP f / 1.9 autofocus, LED flash แฟลชกล้องหน้า / ถ่ายภาพแบบโปร / เอชดีอาร์ / ปรับขนาดไฟล์ / โหมดบิวตี้ / ปาล์มเซลฟี่
โหมดถ่ายวีดีโอ – 1080 x 1920 (Full HD) / 1080 x 1920 (Full HD
ฟีเจอร์อื่นๆ – Loudspeaker / 3.5mm jack /Dual Messenger / Multi Window / Game Launcher
การเชื่อมต่อ – Wi-Fi 802.11 b/g/n, Wi-Fi Direct, Hotspot , Bluetooth 4.1, A2DP, A-GPS, GLONASS ,microUSB 2.0,
แบตเตอรี่ – 3,000 มิลลิแอมป์
ราคา 7,290 บาท