เปิดจองอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วนะคะ สำหรับซัมซุง Galaxy Note 8 และซัมซุง Galaxy J7 Plus วันนี้แอดมินก็เลยจะมาทำการ พรีวิวตัวเครื่องจริงให้เพื่อนๆ ได้ดูกันสักหน่อยว่าหน้าชัดหลังละลายจากรุ่นนี้มันดีงามยังไง คู่ควรแค่ไหนที่จะมีไว้ครอบครอง เราไปชมกันเลยดีกว่าค่ะ
การออกแบบดีไซน์ Metal & Unibody
ในรุ่นนี้เน้นดีไซน์แบบเรียบเท่ห์โดยใช้วัสดุเป็น Metal เนื้อแมตต์และใช้การประกอบแบบ Unibody ซึ่งแน่นอนว่าเรียบเนียนไร้ขอบคมเรียบลื่นเป็นชิ้นเดียวกันไปเลยแต่ยังจับถนัดมือ รุ่นนี้ดีไซน์โดยรอบตัวเครื่องจะค่อนข้างออกไปทางซีรี่ย์ A หน่อยๆ คือจะเน้นความโค้งมนที่มุมทั้ง 4 มุม ซึ่งถ้ามองเผินๆ ก็อาจจะเคล้ายคลึงกับซีรี่ย์เอเอามากๆ ส่วนปุ่มโฮมยังคงตำแหน่งเดิมตามปกติ หน้าจอเป็น FHD sAMOLED มีขนาดอยู่ที่ 5.5 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะเจาะพอดีมือแถมพกพาสะดวกไม่ใหญ่จนเกินไป
ในส่วนของด้านข้างรอบตัวเครื่องทั้ง 4 ด้าน ซ้าย ขวา บน และล่าง ก็ยังมีการจัดวางปุ่ม และพอร์ตการใช้งานต่าง ๆ คงเดิมไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 2.0 หรือช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm เป็นต้น แต่ที่แตกต่างออกไปจากรุ่นอื่นๆ คือตำแหน่งของลำโพงที่เคยอยู่ด้านล่างนั้นถูกย้ายขึ้นมาไว้ที่ด้านข้างช่วงบนฝั่งเดียวกับปุ่ม power ทำให้เสียงกังวาลชัดเจน ไม่ต้องกลัวว่านิ้วจะไปปิดรูลำโพงทำให้เสียงเบาอีกต่อไปเซอร์ราวสะใจแน่นอน
กล้องหน้า V-Fies เซลฟี่หน้าชัดหลังละลายแบบง่ายๆ
ถัดมาในส่วนของกล้อง ซึ่งในรุ่นนี้จุดเด่นเค้าก็โปรโมทกันให้โครมครามอยู่แล้วว่ามีดีที่กล้อง สามารถถ่ายเซลฟี่กล้องหน้าแบบหน้าชัดหลังละลายได้ด้วยกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และ F/1.9 ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดภาพได้ครบถ้วนแม้ที่แสงน้อยก็สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม เดี๋ยวเรามาดูภาพตัวอย่างของการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหน้ากันค่ะ
ภาพตัวอย่าง
จะเห็นได้ว่ารายละเอียดด้านหน้าเก็บได้ครบถ้วน และด้านหลังก็ละลายได้อย่างเป็นธรรมชาติมากๆ หน้าชัดไม่ละลายตามด้านฉากหลังนะเออ เหมือนถ่ายด้วยกล้องใหญ่เลยทีเดียว ฮ่าๆๆ และนอกจากจะมีโหมด V-fies แล้วก็ยังมีโหมด 3D-sticker มาให้ได้ใช้งานกันอีกด้วยไม่ว่าจะถ่ายภาพนิ่งรึจะอัดวิดีโอดุ๊กดิ๊กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ
กล้องหลัง Dual Camera & Dual Bokeh
ถัดมาในส่วนของกล้องหลังตัวนี้ความพิเศษก็คือ เป็นกล้องคู่ Dual Camera ที่มาพร้อมกล้องหลังเลนส์คู่ 2 ตัว คือ RGB ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล F/1.7 และ Mono ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล F/1.9 พร้อมผสานฟีเจอร์ Dual Camera และ Dual Bokhe เข้าด้วยกันช่วยให้การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังละลายนั้นสามารถทำได้ดีไม่แพ้กับกล้องโปรเลยทีเดียว ส่วนโหมดพื้นฐานอื่นๆ ก็ยังมีมาให้ได้ใช้งานกันเช่นเคย เดี๋ยวมาดูตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง J7+ ที่ใช้โหมด Live Focus ที่สามารถปรับภาพให้หลังละลายได้แบบเรียลไทม์กันเลยดีกว่าค่ะ
ตัวอย่างภาพถ่าย
ฟีเจอร์ใหม่ พร้อมสเปคที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ในส่วนของสเปคภายในตัวนี้มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอย์ 7.0 และใช้ชิปการประมวลผลเป็น Octa-core 2.39 GHz แรม 4GB พร้อมหน่วยความจำภายใน 32GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 256GB รองรับฟีเจอร์ Multi window / Dual messenger / Secure Folder / รองรับระบบปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้า / สแกนลายนิ้วมือ และ Bixby อีกด้วย (แต่ในส่วนของ Bixby ใน J7+ ตัวนี้จะรองรับแค่ตัว Bixby โฮมเท่านั้นค่ะ) มาพร้อมแบตเตอรี่ 3,000 มิลลิแอมป์ มีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ, ทอง และสีชมพู
สรุปสเปค
- ชิพหน่วยประมวลผล Octa-core 2.39 GHz
- กล้องหลังคู่ มาพร้อมเซ็นเซอร์ 2 ตัวพร้อมรองรับฟีเจอร์ Live Focus
- ตัวแรก RGB ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/1.7 เ
- ตัวที่สอง Mono ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/1.9
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/1.9 พร้อมรองรับฟีเจอร์ V-fies และ 3D sticker
- ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
- แรม 4GB มาพร้อมหน่วยความจำภายใน 32GB เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 256GB
- รองรับฟีเจอร์ Multi window / Bixby / Dual messenger / Secure Folder
- รองรับระบบความปลอดภัยสแกนใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือ
- มีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี สีดำ, ทอง, ชมพู
สำหรับใครที่สนใจสามารถสั่งจองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 17 กันยายนนี้เท่านั้น หรือจะรอดูโปรโมชั่นในงาน Mobileexpo ก็ได้ค่ะ เพราะว่าใกล้จะถึงงานแล้ว วันที่ 28 กันยายน -1 ตุลาคมนี้ค่ะ ^^