Samsung Galaxy Note 10 และ Galaxy Note 10+ เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของซัมซุง โดยคราวนี้เปิดตัวออกมาถึง 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Samsung Galaxy Note 10 และ Galaxy Note 10+ โดยยังมาพร้อมกับปากกา S-Pen ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Galaxy Note Series ที่มีความสามารถมากขึ้นกว่าเดิม และนอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการใช้งานให้ดีขึ้นอีกด้วย

มีให้เลือกใช้งาน 2 รุ่น 2 ขนาดหน้าจอ

ดีไซน์แบบใหม่ Cinematic Infinity Display ปรับขอบหน้าจอให้บางลง และใช้หน้าจอแบบ Infinity-O ด้วยการฝังกล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซลลงในหน้าจอ และปรับให้มาอยู่ตรงกลางเพื่อความสมมาตรมากขึ้น ทั้งนี้การที่กล้องอยู่ตรงกลางจอ เวลาเซลฟี่ก็จะเหมือนการมองกล้องหน้าโดยตรง ตาไม่เอียง ไม่เผลอมองออกด้านข้างอีกต่อไป

Galaxy Note 10+ จะมีขนาดหน้าจอ Dynamic AMOLED 6.8 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ และ Galaxy Note 10 จะมีหน้าจอที่เล็กกว่า มีขนาดหน้าจอ Dynamic AMLOED 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ทั้งคู่รองรับ HDR10+ แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S10 ดูหนังความละเอียดสูงก็ให้ภาพที่คมชัดสวยงาม ทาง Display Mate ได้ทดสอบหน้าจอแล้วแจ้งว่ามีค่าความแม่นของสีมากที่สุด อีกทั้งยังผ่านมาตรฐาน TÜV Rheinland หน้าจอลดแสงสีฟ้าได้มากถึง 41% และเมื่อเปิดโหมดลดแสงสีฟ้าจะช่วยลดได้มากถึง 90% ด้วยกัน ใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ Ultrasonic แต่มีการขยับเซ็นเซอร์ขึ้นมาเพื่อการสแกนลายนิ้วมือที่ดีขึ้น ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6 ทั้งหน้าและหลัง

ตามปกติ Galaxy Note จะมีขนาดตัวเครื่องที่หนากว่า Galaxy S แต่ใน Galaxy Note 10 Series นี้จะมีตัวเครื่องหนา 7.9 มิลลิเมตร บางพอๆ กับ Galaxy S10+ ที่มีตัวเครื่องหนา 7.8 มิลลิเมตรเลย ด้วยความบางทำให้การหยิบจับใช้งานได้สะดวกมากขึ้น และใครที่อยากใช้สมาร์ทโฟนตระกูล Note แต่ไม่ชอบหน้าจอที่มีขนาดใหญ่เกินไป ในปีนี้ก็มีให้เลือกหน้าจอขนาดเล็กแล้ว

ไม่มีปุ่ม Bixby แล้ว

สำหรับในรุ่นนี้จะไม่มีปุ่ม Bixby อีกแล้ว โดยจะเปลี่ยนมาใช้งานเป็นปุ่ม Power แทน ส่วนด้านขวาของตัวเครื่องจะไม่มีปุ่มต่างๆ อีกต่อไป แต่หากใครที่ยังคิดถึงปุ่ม Bixby อยู่ ก็สามารถปรับตั้งค่าปุ่ม Power เพื่อตั้งการเรียกใช้ Bixby ได้

ตัดช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร เพื่อชีวิตที่ไร้สายมากขึ้น

ในรุ่นใหม่นี้ได้ตัดช่องต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรออกไป เพื่อการออกแบบและสามารถเพิ่มปริมาณแบตเตอรี่เข้าไปได้อีก 100mAh และยังปรับ Haptic feedback สั่นได้ดีขึ้นกว่าเดิม

กล้องหลังซูมได้ทั้งภาพและเสียง

Galaxy Note 10 จะมาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบไปด้วย เลนส์หลัก มุมกว้าง ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/1.5 & 2.4, เลนส์มุมกว้าง Ultrawide 123 องศา ความละเอียด 16MP รูรับแสง f/2.2 และ เลนส์เทเลโฟโต้ ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.1 ส่วน Galaxy Note 10+ จะเพิ่มเลนส์ชัดลึก DoF สำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ยังมีโหมด Live Focus สำหรับการบันทึกวิดีโอมาให้ด้วย และในส่วนของการซูม นอกจากจะเป็นการซูมภาพเข้าไปแล้ว ยังเป็นการซูมเสียงได้อีกด้วย โดยจะใช้ไมค์ที่เสริมเข้ามาด้านหลังของตัวเครื่องในการจับเสียง และใช้ไมค์ที่เหลือในการตัดเสียงรอบข้างออก ทำให้เราสามารถได้ยินเสียงที่ชัดเจนมากขึ้นตามระยะของการซูมอีกด้วย

เรื่องของวิดีโอ จบได้ภายในเครื่อง

มีการปรับปรุง Super Steady จาก Galaxy S10 เพิ่มมาให้บันทึกวิดีโอได้นิ่งขึ้น และสามารถตัดต่อซ้อนวิดีโอได้จากภายในตัวเครื่องแล้ว เรียกง่ายๆ ว่าสามารถจบงานตัดต่อวิดีโอได้ภายในเครื่องแล้ว

AR Doodle และ 3D

เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน AR และ 3D มากขึ้น สามารถวาดรูปภาพในขณะเปิดการใช้งานกล้อง และการวาดภาพนี้จะมีการขยับตามใบหน้าและสามารถบันทึกวิดีโอสนุกๆ ได้

นอกจากนี้การที่มีเลนส์ DoF เข้ามา ช่วยในการวัดระยะต่างๆ จนสามารถบันทึกออกมาเป็น 3D ได้ และสามารถนำโมเดล 3D นั้นไปถ่ายทำวิดีโอได้อีกหลากหลายรูปแบบ โมเดล 3D จะขยับท่าทางตามผู้คนต่างๆ แม้กระทั่งคนในหน้าจอทีวี

กล้องหน้ามาพร้อม Night Mode

กล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ซึ่งทำให้มีขนาดเลนส์ที่เล็กลงกว่า Galaxy S10 โดยการใช้ขนาดเลนส์ที่เล็กลงนี้จะเป็นการดีไซน์ที่ไม่บดบังหน้าจอมากเกินไป จึงจำเป็นที่จะต้องลดขนาดลง แต่เพิ่ม Night Mode สำหรับการเซลฟี่ในที่แสงน้อยมาให้

จัดเต็มด้วยสเปคระดับท็อป

ชิปประมวลผลใช้ Exynos 9825 สถาปัตยกรรม 7nm เล็กที่สุดในโลก เท่ากับ Qualcom Snapdragon 855 Galaxy Note 10 จะมี RAM DDR4X 8 GB พร้อมกับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ UFS3.0 ความจุ 256GB ไม่รองรับการใช้งาน microSD Card ส่วน Galaxy Note 10+ จะมาพร้อม RAM DDR4X 12GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 256GB รองรับ microSD Card สูงสุด 1TB ส่วนรุ่น Galaxy Note 10+ 5G จะมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 256GB/512GB/1TB ให้เลือก

ส่วนของแบตเตอรี่ Galaxy Note 10+ มีแบตเตอรี่ 4,300 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 45W (ซื้ออุปกรณ์แยก) ส่วนรุ่นเล็ก Galaxy Note 10 มีแบตเตอรี่ 3,500mAh รองรับการชาร์จเร็ว 25W โดยอะแดปเตอร์ที่มาในกล่องจะเป็นแบบ 25W ทั้งคู่

S-Pen ปากกาวิเศษ

จากรุ่นที่แล้วปากกา S-Pen สามารถใช้งานเป็นรีโมทกล้องถ่ายรูปภาพได้ มาในปีนี้ ปากกา S-Pen สามารถทำได้มากกว่าเดิมด้วยการเพิ่มเซ็นเซอร์ไจโร 6 แกน ที่สามารถโบกไปมาตามรูปแบบที่กำหนดเพื่อใช้งานคำสั่ง Air Gestures ในการถ่ายรูป, เปลี่ยนโหมดกล้อง, ซูมเข้า, ซูมออก และยังใช้ Air Gestures กับแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ที่รองรับได้อีกด้วย อาทิ ควบคุมการเล่นวิดีโอบน YouTube Premium และได้ปล่อย SDK ให้กับนักพัฒนาเพื่อนำไปพัฒนาใส่เข้ากับแอพของตนเองแล้ว และปากกา S-Pen สามารถใช้งานได้นาวนานถึง 10 ชม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

ฟีเจอร์กับ S-Pen ที่น่าสนใจ

ส่วนฟีเจอร์ที่น่าสนใจเพิ่มเข้ามาก็คือ แปลงข้อความจากการจดของเราออกมาเป็นไฟล์ txt, pdf หรือ word ได้ การครอปรูปภาพ Screen Capture แล้วสามารถเขียนบนหน้าจอพร้อมกันได้, Screen off memo ก็สามารถเลือกเปลี่ยนสีเองได้แล้ว และ Live message สามารถเลือกวิดีโอเข้ามาแล้วเขียนได้เช่นกัน

Samsung Dex ใช้กับ Mac ได้แล้ว

ผู้ใช้งาน Samsung Galaxy Note สามารถใช้โหมด Dex กับคอมพิวเตอร์ Mac OS ได้แล้ว เพียงแค่ติดตั้งโปรแกรมในครั้งแรกก็สามารถใช้งานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยกันได้เลย สามารถโอนถ่ายข้อมูลได้อย่างง่ายดายและเปิดทำงานร่วมกันได้ง่ายมากขึ้น

ราคาและวันวางจำหน่าย Samsung Galaxy Note 10 และ Galaxy Note 10+

จะวางจำหน่ายในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ เริ่มเปิดให้จองได้ในวันที่ 8 สิงหาคม

สเปค Sasmung Galaxy Note 10

สเปค Samsung Galaxy Note 10+

ที่มา Samsung