รีวิว Samsung Galaxy Watch รุ่นหน้าปัด 42 mm สมาร์ทวอทช์ดีไซน์หรูรุ่นล่าสุดจากซัมซุง
สำหรับใครที่กำลังมองสมาร์ทวอทช์ดีไซน์หรู มีฟังก์ชั่นครบเครื่อง ตัวเรือนขนาดพอเหมาะ ในราคาเข้าถึงได้ แน่นอนว่า Samsung Galaxy Watch รุ่นหน้าปัด 42 mm ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวครับ วันนี้ทาง Samsung Party ก็มีพรีวิวของเจ้าตัวนี้มาฝากกันครับ
แกะกล่องพร้อมพรีวิวตัวเครื่อง
ในส่วนของการแกะกล่องตัวเครื่อง Samsung Galaxy Watch รุ่น 42 mm จะประกอบไปด้วยหัวชาร์จที่คุ้นเคยของทางซัมซุงปล่อยไฟที่ 5V/0.7A สายนาฬิกาสำรองไซส์ L (ที่ใส่มากับตัวเครื่องจะเป็นไซส์ S) สายชาร์จแบบ Micro USB และแท่นชาร์จแม่เหล็กแบบไร้สาย รวมถึงคู่มือการใช้งานที่เราอ่านกันเป็นประจำด้วยครับ
การใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น Samsung Galaxy Wearable
ก่อนเปิดเจ้า Galaxy Watch นั้นก็ต้องทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชั่น Samsung Galaxy Wearable ที่สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง Google Play Store และใน App Store ครับ พอเชื่อมต่อกับตัวนาฬิกาแล้วจะ
เปิดมาหน้าแรกของแอพก็จะพบกับข้อมูลของนาฬิกาเบื้องต้นโดยจะสรุปหน่วยความจำภายใน แรม และแบตเตอร์ ต่อมาก็จะเป็นหน้าของหน้าปัดนาฬิกาที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้งานแบบไหน สีอะไร ปรับแต่งได้ตามใจชอบ
ในหน้าปัดก็จะมีให้เลือกหลากหลายแบบทั้งนี้ก็สามารถ โหลดเพิ่มได้ผ่าน Galaxy Apps (อยู่ในเมนูตั้งค่า) มีทั้งฟรีและไม่ฟรี รวมถึงแอปพลิเคชั่นใน Watch ก็สามารถโหลดเพิ่มได้เช่นกัน
และหน้าสุดท้ายคือการตั้งค่า เป็นการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ อาทิ แอปพลิเคชั่นใน Watch สามารถโหลดเพิ่มหรือติดตั้งเพิ่มเติมได้ , วิดเจ็ตก็สามารถเพิ่มหรือลบได้หากมีเยอะเกินไป
อีกหนึ่งแอปพลิเคชั่นที่ควรดาวน์โหลดติดตั้งไว้ในสมาร์ทโฟนก็คงไม่พ้น Samsung Health ที่มาพร้อมกับความสามารถในการคำนวณและติดตามการออกกำลังกายของผู้ใช้งานในแต่ละวันได้เมื่อซิงค์กับ Samsung Galaxy Watch อีกทั้งยังสามารถแข่งเก็บเลเวลการออกกำลังกายกับผู้คนในต่างประเทศหรือเพื่อน ๆ ได้ง่าย ๆ ในเมนู Together นั่นเองครับ
การใช้งานตัวเครื่องเบื้องต้น
หน้าปัดนาฬิกาและวิดเจ็ต : การเลือกหน้าปัดนาฬิกาก็สามารถทำได้ง่าย ๆ และมีให้เลือกมากมาย โดยสามารถปรับแต่งสีหรือตัวเลือกการแสดงผลได้จากตัวเรือนเลย ส่วนวิดเจ็ตก็ให้เลือกหลากหลายแบบตามแอพที่ติดตั้งบนสมาร์ทโฟนและนาฬิกา ทั้งปฏิทิน สภาพอากาศ เวลาต่างประเทศ การแยกประเภทการออกกกำลังกายจากแอพ Samsung Health เป็นต้น
โทรออก – รับสาย : สิ่งที่สมาร์ทวอชท์ในปี 2018 ควรจะมีเป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่างการรับสายโทรเข้าโทรออก แน่นอนว่าตัวเรือนมีไมค์โครโฟนตัดเสียงรบกวนสามารถพูดคุยหรือสั่งงานตัวเครื่องได้อย่างอิสระ รวมถึงลำโพงที่ดังได้ยินชัดเจน ทำการสนทนาทั่วไปง่ายกว่าที่เคย
วัดอัตราการเต้นของหัวใจ : ฟีเจอร์เด็ดของรุ่นนี้ที่สามารถวัดได้ทันที โดยสามารถตั้งได้ว่าจะวัดตลอดการใช้งานหรือจะตั้งเป็น ชั่วโมง หรือ 10 นาทีก็ทำได้ ซึ่งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ Real Time หรือตลอดเวลานั้นจะทำให้มีการใช้งานแบตเตอรี่พอสมควรครับ
ฟังเพลงผ่านตัวเครื่องหรือหูฟังบลูทูธ : ด้วยหน่วยความจำขนาด 4 GB บนตัวเครื่อง (เหลือให้ใช้จริงอยู่ราว ๆ 3 GB) สามารถใส่ภาพหรือเพลงจากสมาร์ทโฟนของคุณลงไปในตัวนาฬิกาได้ โดยมันจะสามารถเลือกได้ว่าจะเล่นผ่านตัวนาฬิกาหรือจะเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธแยกก็ได้เช่นกัน
สรุปกิจกรรมในชีวิตประจำวัน : ตัวนาฬิกาจะสรุปกิจกรรมของผู้ใช้งานในหนึ่งวันว่าเราทำอะไรไปบ้าง อาทิการเดินไปกี่ก้าว อัตราการเต้นของหัวใจโดยเฉลี่ย การก้าวขึ้นบันได การเผลาพลาญพลังงาน วัดการนอนหลับ (อัตราการนอนหลับสนิท ตรวจจับการคลื่นไหวขณะที่นอนว่าหลับจริงกี่ชั่วโมง รวมถึงประสิทธิภาพการนอนในแต่ละวันคำนวณออกมาเป็น % การพักผ่อน) เป็นต้น ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวเราสามารถเข้าไปตั้งเป้าหมายหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชั่น Samsung Health ครับ
โหมดออกกำลังกาย : สามารถเลือกผ่านตัวเครื่องได้ทั้งการวิ่ง, ปั่นจักรยาน, การเดิน, ว่ายน้ำ, ลู่วิ่ง หรือยกน้ำหนักก็มีให้เลือกกัน โดยตัวนาฬิกาจะจับเวลาการออกกำลังการและแสดงการเผาผลาญแคลอรี่ตามชนิดกีฬาและเวลาที่จับไว้ ซึ่งผู้ใช้งานก็สามารถตั้งเป้าหมายแคลอรี่ได้
อื่นๆ : นอกจากฟีเจอร์เด่น ๆ ดังกล่าวแล้ว ทางซัมซุงก็มีแอปพลิเคชั่นพิเศษสำหรับนาฬิกาเรือนนี้ให้ด้วยอย่าง Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะที่จะสามารถสั่งงานให้ตัวเครื่องทำอะไร ๆ ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาเพลง ค้นหาภาพ ตั้งการแจ้งเตือนต่าง ๆ สั่งให้โทรออกหรือรับสายก็ทำได้, ปฏิทิน สามารถดูวันที่หรือบันทึกประจำวันได้อย่างง่ายดาย, สภาพอากาศ สามารถเช็คอุณหภูมิตามเมืองหรือประเทศที่ต้องการได้ แต่ต้องทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อค้นหาตำแหน่งที่แน่นอนเสียก่อน, สรุปข่าว (Briefing) อ่านข่าวจากต่างประเทศได้อย่างง่ายได้มีหมวดหมู่ให้เลือกหลากหลาย และการแจ้งเตือน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สมาร์ทวอชท์สมัยนี้ไม่ควรพลาด ซึ่งสามารถตั้งให้สั่นหรือมีเสียงออกมาก็ได้ เช่นการตั้งนาฬิกาปลุก โดยจะอิงจากสมาร์ทโฟนของเราเป็นหลัก เพราะต้องเปิดบลูธูทหรือ Wifi เพื่อเชื่อมต่อรับการแจ้งเตือนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีการแจ้งเตือนแล้วการตอบกลับข้อความหรือส่งข้อความกลับก็ทำได้ โดยการกดส่ง Emoji พื้นฐานที่อยู่ในเครื่องรวมถึงการพูดข้อความให้นาฬิกาจับเสียงของเราเพื่อส่งไปหาอีกฝ่ายก็ทำได้เช่นกันครับ
สเปคของ Samsung Galaxy Watch
- ใช้หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล
- ตัวเรือนครอบทับด้วยกระจกหน้าจอ Corning® Gorilla® Glass DX+
- ชิพเซ็ต Exynos 9110 Dual core 1.15GHz
- รันบนระบบปฏิบัติการ Tizen OS 4.0
- RAM : 768 MB + ROM : 4 GB
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth®4.2, Wi-Fi b/g/n, NFC, A-GPS/Glonass
- เซ็นเซอร์ : Accelerometer, Gyro, Barometer, HRM, Ambient Light
- มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น : 5 ATM + IP68
- รองรับการกันกระแทกมาตรฐาน MIL-STD-810G
- รองรับการชาร์จไร้สาย (มาตรฐาน WPC) และรองรับแท่นชาร์จ Samsung Wireless Charger Duo
- แบตเตอรี่ขนาด 270 mAh
- สามารใช้งานกับสมาร์ทโฟน Android 5.0 ขึ้นไป (แรมขึ้นต่ำ 1.5 GB) และ iOS เวอร์ชั่น 9.0 ขึ้นไป
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Midnight Balck และ Rose Gold
- ราคา 11,900 บาท (รุ่น GPS) โดยเตรียมวางจำหน่ายในงาน Thailand Mobile Expo 2018 ณ ศูนย์ฯสิริกิติ์ วันที่ 27 – 30 กันยายน 61 เป็นที่แรก!!
บทสรุปการใช้งาน
หลังจากที่ได้ใช้งานมาประมาณ 4 วันเต็ม ๆ ก็พบว่าเจ้าตัวนี้ เหมาะกับการใส่เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไปหรือจะไปใช้ในแง่สุขภาพก็ทำได้ ส่วนการใช้งานทั่วไปก็อยู่ได้ราว ๆ 1 วันเต็ม (เปิดบลูทูธเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนตลอดเวลา ความสว่างจอเปิดเกือบสุด ตั้ง Always On Display โชว์เวลา) แต่ถ้าอยากได้มากกว่านั้นก็คงต้องใช้โหมดประหยัดแบตที่จะเปลี่ยนสีหน้าจอเป็นสีเทาใช้งานต่อเนื่องได้ราว ๆ 5 วันหรือจะมาในโหมดนาฬิกาอย่างเดียวก็ใช้งานยาว ๆ 30 วันครับ บอกเลยว่าใครที่กำลังหาสมาร์ทวอทช์คู่ใจที่สามารถใส่ในสไตล์แฟชั่น รวมถึงพกพาไปลุยในการออกกำลังกายต่าง ๆ ไม่ควรพลาดเชียวครับ
ข้อดี
- ขนาดตัวเรือนไม่ใหญ่มากนัก ใส่สบาย วัสดุดีรองรับการกันกระแทก หน้าจอสวย
- ให้เซ็นเซอร์มาค่อนข้างครบเครื่อง วัดได้แม่นยำพอสมควร ระบบสั่นก็ดี
- มีลำโพงและไมโครโฟนในตัว สามารถโทรออกๆรับสายจากตัวเรือนได้เลย เสียงดังได้ยินชัดเจน
- มีโหมดประหยัดพลังงานทำให้ยืนอายุการใช้งานได้อีก 5 วัน
- กันน้ำกันฝุ่น IP68 ใส่ว่ายน้ำหรืออาบน้ำได้
- มีสามารถเชื่อมต่อกับหูฟัง Bluetooth เพื่อใช้ฟังเพลงในตัวนาฬิกาได้
- มีผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby ใช้ได้แม้ไม่ได้ถือสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy
- รองรับแท่นชาร์จไร้สาย
- รองรับภาษาไทย
ข้อเสีย
- แบตเตอรี่อยู่ได้ไม่เกิน 1 วัน หากใช้งานเต็มที่
- ใช้เวลาชาร์จนานพอสมควร (เกือบ 3 ชั่วโมงถ้าจาก 0-100%) เพราะรองรับไฟเข้าที่ 5V/0.7A
- ณ ตอนนี้ ยังไม่มีรุ่น LTE มาจำหน่ายในประเทศไทย ทำให้ไม่สามารถโทรออกได้ทันที ต้องเชื่อมต่อบลูธูทกับสมาร์ทโฟนก่อน
และถ้าใครรอโปรโมชั่นเด็ด ๆ อยู่ บอกเลยว่างาน Thailand Mobile Expo 2018 (TME 2018) ที่จะจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์วันที่ 27 – 30 กันยายน 2561 นี้ มีโปรโมชั่นมากมาย พร้อมของแถมให้เลือกอีกเพียบแน่นอนครับ