Samsung Galaxy Watch Active 2 เปิดตัวออกมาเมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา โดยนอกจากจะมีรุ่น LTE ที่รองรับ eSIM และรุ่น Wi-Fi ออกมาแล้วก็ยังมีรุ่นพิเศษที่ร่วมมือกับทาง Under Armour อีกด้วย ซึ่งใช้ชื่อรุ่นว่า Samsung Galaxy Watch Active 2 Under Armour Edition และมี 2 ขนาดให้เลือก ได้แก่ หน้าปัดขนาด 40mm ตัวเรือนสีดำ+สายสีเทา และขนาด 44mm ตัวเรือนสีดำ+สายสีดำ สำหรับรุ่นหน้าปัด 44mm นี้จะสวยงามแค่ไหน และจะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น ไปติดตามรีวิวกันเลยครับ
แกะกล่อง ส่องดีไซน์
ตัวกล่องมาในสีดำรูปแบบกะทัดรัดแบบเดียวกันกับ Galaxy Watch Active 2 รุ่นตัวเรือนอะลูมิเนียม ส่วนรุ่นตัวเรือนสแตนเลสสตีลจะมีกขนาดกล่องที่ใหญ่กว่า ด้านหน้ามีชื่อรุ่น Active 2 และมีรูปตัวเรือนที่แสดงให้เห็นสีของตัวเรือนและสายด้วย แน่นอนว่าขนาดหน้าปัด 44mm นี้จะมาในสีดำทั้งตัวเรือนและสาย
ด้านข้างจะมีชื่อรุ่นและเวอร์ชันของรุ่นนี้ติดไว้อยู่
ด้านหลังจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับสมาร์ทวอชรุ่นนี้ โดยจะบอกตัวเรือนเป็นอะลูมิเนียม, น้ำหนักเบา, ตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และมาพร้อมกับแอปพลิเคชัน MapMyRun ที่พัฒนาโดย Under Armour รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, Wi-Fi และมี GPS ในตัว พร้อมกับการวัดขนาดข้อมือแบบคร่าวๆ มาให้
น่าเสียดายที่ Under Armour Edition ไม่มีรุ่น LTE ไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือโทรออก-รับสายจาก eSIM เหมือนรุ่นอื่นๆ ของ Galaxy Watch Active 2 ได้
ภายในมีแท่นชาร์จแบบไร้สายพร้อมกับสายชาร์จมาให้ และยังมีคู่มือและเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติม
สำหรับรุ่นหน้าปัดขนาด 44 mm จะมีขนาดหน้าจอ 1.2 นิ้ว ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล เป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass DX+ ที่ถือเป็นขนาดกำลังดีสำหรับผู้ชาย รองรับการใช้งาน Always On Display ที่สามารถดูเวลาและข้อมูลอื่นๆ ได้ตลอดเวลา
Watch Face ของรุ่นนี้ก็จะเป็นแบบพิเศษที่จะมีให้ใช้งานในเฉพาะรุ่น Under Armour Edition เท่านั้น มีทางลัดเข้าสู่แอปพลิเคชัน MapMyRun ได้ทันที และถ้าใครมีรองเท้าวิ่ง Under Armour ตระกูล HOVR ก็จะมีชิปภายในรองเท้าที่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันและซิงค์ข้อมูลการวิ่งมาบนนาฬิกาได้โดยตรง
ขอบตัวเรือนอะลูมิเนียมสีดำด้าน สวยงามมากๆ ด้านข้างมีปุ่มสำหรับใช้งาน 2 ปุ่ม สำหรับควบคุมและสั่งงาน และนอกจาการสั่งงานผ่านปุ่มกดแล้ว ยังสามารถสั่งงานและใช้งานผ่านหน้าจอแบบสัมผัสได้ และยังมีฟีเจอร์ Touch Bezel ขอบหน้าปัดระบบสัมผัสที่จะมาช่วยให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น
เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจถูกวางไว้ที่ด้านหลังของตัวเรือน จะเป็นการยิงแสงออกมาที่ข้อมือเพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ในส่วนของด้านหลังนี้ก็จะมีการบอกชื่อรุ่นและวัสดุในการใช้งานไว้ด้วย ซึ่งจะทำการวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชม. อีกทั้งยังมีเซ็นเซอร์ Accelerometer, Gyroscope, Barometer และ Ambient Light
ชิปประมวลผล Exynos 9110 Dual core 1.15 GHz หน่วยความจำ 768MB + 4GB ระบบปฏิบัติการ Tizen รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0, Wi-Fi b/g/n, NFC และมี A-GPS/GLONASS/Beidou ภายในตัว มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 กับ 5ATM / MIL-STD-810G โดยการใช้งานกับสมาร์ทโฟนจะต้องเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Wear และสามารถเชื่อมต่อหูฟังไร้สายเพื่อฟังเพลงจากในสมาร์ทวอชได้
ใช้สายซิลิโคนสีดำ 20mm สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย เพียงแค่ขยับสลักจากนั้นก็ถอดเปลี่ยนสายได้แล้ว ซึ่งสายสีดำที่ให้มาก็เป็นแบบด้าน สวยงามและโดนใจผู้ชายไม่น้อยเลย
การชาร์จ จะเป็นการชาร์จแบบไร้สายกับแท่นชาร์จที่แถมมาในตัวกล่อง และยังสามารถชาร์จไร้สายกับ Wireless PowerShare จากสมาร์ทโฟนได้
ปรับแต่ง ตั้งค่า ผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable บนสมาร์ทโฟน
สำหรับการเชื่อมต่อครั้งแรก จะต้องทำการตั้งค่าการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Werable ซึ่งภายในแอปสามารถเลือกหน้า Watch Face, ตั้งค่า Widget และตั้งค่าอื่นๆ ผ่านแอปพลิเคชันได้ หรือจะตั้งค่าจากสมาร์ทวอชโดยตรงก็สามารถทำได้ และยังสามารถใช้งานกับ iOS และ Android รุ่นอื่นๆ ได้ เช่นกัน
รับการแจ้งเตือน รับสายโทรเข้า เป็นสมาร์ทวอชเต็มตัว
แน่นอนว่ามาพร้อมกับความสามารถของสมาร์ทวอชแบบเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแอปพลิเคชันบนสมาร์ทวอชเพิ่ม การรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน การรับสายโทรเข้า และพูดคุยผ่านนาฬิกาได้เลย เพราะตัวนาฬิกามีไมโครโฟนและลำโพงในตัวด้วย การแจ้งเตือนต่างๆ ก็รองรับภาษาไทย
มาพร้อมแอป MapMyRun
สำหรับเวอร์ชั่น Under Armour นี้ จะมาพร้อมกับแอปพลิเคชัน MapMyRun เป็นแอปพลิเคชันวิ่งที่พัฒนาโดย Under Armour ทำให้เราไม่ต้องพกมือถือออกไปวิ่งเลย ตัวแอปพลิเคชันบนนาฬิกาสามารถเก็บข้อมูลการวิ่งของเราได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น ระยะทาง, เวลา, จำนวนก้าว, ความเร็ว, อัตราการเต้นของหัวใจ และเก็บเส้นทางการวิ่งจาก GPS ที่มีอย่ในตัวเรือนอีกด้วย
ในขณะออกวิ่ง หน้าจอจะมีหลายรูปแบบ สามารถปัดไปมาเพื่อดูข้อมูลต่างๆ ได้ โดยหน้าแรกจะมีการบอกข้อมูลสำคัญไว้ ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว, ระยะทาง, รอบขา และยังมีการแสดงผลอัตราการเต้นของหัวใจพร้อมกับสีของ HR Zone เพื่อให้เรามองเห็นได้ง่าย เมื่อไปปัดไปทางซ้ายก็จะพบกับหน้าจอของข้อมูลอื่นๆ
และถ้าใครที่มีรองเท้าวิ่ง Under Armour ตระกูล HOVR ที่มีชิปฝังในตัวรองเท้า ก็สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทวอชได้โดยตรง ซึ่งก็จะทำการเก็บข้อมูลระยะก้าว, รอบขา มาให้เพิ่มเติม
นอกจากข้อมูลการการวิ่งแล้ว จะมี Personalized coach tip แนะนำการวิ่งที่ผ่านมาของเราว่าเป็นอย่างไร อยู่ในเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ และควรปรับปรุงอย่างไร ฝึกซ้อมอะไรเพิ่มเติมเพื่อให้วิ่งได้ตามเป้าหมาย เรียกได้ว่าเหมือนมีโค้ชมาคอยแนะนำให้กับเราจริงๆ
ตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ และดูข้อมูลการเคลื่อนไหวผ่าน Samsung Health
นอกจากตัวสมาร์ทชวอชจะทำการติดตามการเคลื่อนไหวการออกกำลังกายต่างๆ แบบอัตโนมัติแล้ว ยังทำการซิงค์ข้อมูลมาที่แอพพลิเคชัน S Health เพื่อทำการดูข้อมูลต่างๆ แบบละเอียดเพิ่มเติมบนสมาร์ทโฟนได้
สรุป Samsung Galaxy Watch Active 2 Under Armour Edition 44mm
เป็นสมาร์ทวอชที่เติมเต็มการออกกำลังกายในด้านการวิ่งมากขึ้น ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกายโดยเฉพาะ และมีแอปพลิเคชันเสริมอย่าง MapMyRun เข้ามา ทำให้ผู้ใช้งานรองเท้าวิ่งที่มีชิปของ Under Armour สะดวกขึ้นด้วย ส่วนฟีเจอร์ต่างๆ ก็ครบครัน แต่น่าเสียดายที่เวอร์ชันนี้ไม่มีนุ่น LTE ทำให้การใช้งานบางอย่างยังต้องอาศัยการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ แต่ถ้าใครที่ไม่ค่อยได้แยกตัวจากสมาร์ทโฟนแบบห่างมากๆ รุ่นนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์แล้ว
ซื้อ Samsung Galaxy Watch Active 2 Under Armour Edition 44mm คลิกที่นี่