รีวิว Samsung Galaxy Watch Active 2 LTE อัพเกรดฟีเจอร์ และดีไซน์ใหม่หมด

Samsung Galaxy Watch Active 2 สมาร์ทวอชรุ่นใหม่ล่าสุดที่ปรับปรุงดีไซน์ใหม่หมด และยังมีทั้งรุ่น GPS และ eSIM ให้เลือกตามความต้องการของผู้ใช้  ส่วนจะมีอะไรแตกต่างจากรุ่นก่อนยังไง เรามาดูกันเลยครับ

แกะกล่องลองใช้ Samsung Galaxy Watch Active 2 LTE

กล่องของ Watch Active 2 มีขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่จนเกินไป เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบกับกล่องย่อยสำหรับใส่อุปกรณ์ต่างๆ ดังต่อไปนี้

เมื่อแกะกล่องออกมาต้องระวังนิดนึง เพราะตัวเรือน Galaxy Watch Active 2 นั้นยังไม่ได้ใส่สายมาให้ ต้องค่อยๆ แกะกล่องอย่างระมัดระวังเพราะตัวเรือนอาจจะหล่นได้ สำหรับตัวเรือนที่เราได้มาทดสอบนั้นเป็นแบบสแตนเลสสีเงินเงางาม หรือที่เรียกว่าสี Cloud silver หน้าปัดเป็นแบบวงกลมเรียบๆ ไม่มีลวดลาย หรือเส้นขีดบอกเวลาเหมือนรุ่นก่อนๆ หน้าจอแสดงผลเป็นแบบสัมผัสขนาดใหญ่ 1.4 นิ้ว ใช้จอภาพแบบ Super AMOLED ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจกกันรอยอย่าง Corning Gorilla Glass DX+ จะเห็นได้ว่าวงแหวน หรือ Bezel ได้หายไป ซึ่งรุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้เป็นแบบ Touch bezel ซึ่งเป็นวงแหวนแบบสัมผัส

เปรียบเทียบหน้าจอแบบปกติ และ Always on

ด้านหลังเป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรือ Heart rate sensor ที่พัฒนาให้มีตัว Photodiodes 8 ตัวเพื่อให้ตรวจวัดได้แม่นยำขึ้น และด้านหลังนี้ก็ยังเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายได้ทั้งจากแป้นชาร์จที่มีมาให้ในกล่อง หรือจะชาร์จผ่านด้านหลังของสมาร์ทโฟนที่รองรับได้เช่น Samsung Galaxy S10 หรือ Samsung Galaxy Note10 ได้

ด้านข้างขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Home และปุ่ม Back ที่ทำหน้าที่เป็นปุ่มเปิด/ปิดเครื่องไปด้วยในตัว ตรงกลางมีไมโครโฟนรับเสียงสทนาโทรศัพท์ และอีกด้านก็เป็นลำโพงสำหรับสนทนาด้วยเช่นกัน

สายนาฬิกาที่มีมาให้เป็นสายหนัง ซึ่งด้านในเป็นเมโมรี่โฟมที่จะคืนตัวเมื่อถอดนาฬิกาออกจากข้อมือ ทำให้ตัวสายไม่เสียรูปทรงจากเดิมมากนัก นอกจากนี้การถอดเปลี่ยนก็ยังสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ถอดสลักออกแค่นั้นเอง และยังสามารถใช้สายนาฬิกาอื่นๆ มาใช้งานด้วยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้สายของ Samsung เสมอไป

เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และลงทะเบียนใช้ eSIM ผ่านแอพฯ Galaxy Wearable

เมื่อใส่สายนาฬิกาเรียบร้อยแล้วอย่าพึ่งรีบร้อนใส่เข้ากับข้อมือ แนะนำให้ทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเชื่อมต่อผ่านแอพฯ Galaxy Wearable มีให้ดาวน์โหลดทุกค่ายทุกแบรนด์ผ่าน Play Store ของแอนดรอยด์ หรือ AppStore ของ iOS แต่ถ้าหากเป็นสมาร์ทโฟนของ Samsung เองจะมีมาให้อยู่แล้วในเครื่อง เพียงแค่เปิดเครื่องทั้งสองวางใกล้ๆ กันจะขึ้นหน้าจอให้เชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ สะดวกมากๆ

เมื่อทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว หากเป็นรุ่น LTE ก็จะเข้าสู่การลงทะเบียนการใช้งาน eSIM อย่างเครื่องที่เราทดสอบจะลงทะเบียนผ่านเครือข่าย dtac เพียงแค่เลือกเบอร์โทรศัพท์ และกรอกรายละเอียดส่วนตัวอย่างเช่นเลขที่บัตรประชาชน สะดวกและง่ายๆ มากๆ ไม่ต้องไปศูนย์บริการเพื่อลงทะเบียน eSIM ให้ยุ่งยากวุ่นวายเลย แต่หากเป็นรุ่น Bluetooth ก็ข้ามขั้นตอนการลงทะเบียน eSIM ไปได้เลย ส่วนการดาวน์โหลดแอพฯ หรือหน้าปัดนาฬิกาก็สามารถดาวน์โหลดได้ผ่านแอพฯ นี้ได้เลย

Samsung Galaxy Watch Active 2 ผู้ช่วยแนะนำในการออกกำลังกาย

นอกจากจะตรวจจับการออกกำลังกายได้ค่อนข้างจะครบทุกประเภทแล้ว  Samsung Galaxy Watch Active 2 ยังเพิ่มฟีเจอร์ผู้ช่วย หรือโค้ชที่ช่วยแนะนำการออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพในด้านการกินน้ำ อาหาร และการนอนหลับมาให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น

สำหรับการดูข้อมูล หรือผลการออกกำลังกายก็จะถูกบันทึกลงในแอพฯ Samsung Health ให้เราได้ย้อนกลับไปดู และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระยะทาง เวลา ความเร็ว อัตราการเต้นของหัวใจ ระยะเวลาการนอนตลอดทั้งคืน

เชื่อมแบบไร้สาย ไม่พลาดทุกสายสำคัญขณะออกกำลังกาย

หากลงทะเบียน eSIM กับเครือข่ายเรียบร้อยแล้วจะสามารถรับโทรศัพท์ได้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็ตาม การทำงานของรุ่นนี้จะมี 2 โหมด คือหากสมาร์ทวอชอยู่คู่กับโทรศัพท์แล้วเชื่อมต่อบลูทูธ ตัวสมาร์ทวอชจะปิดการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเพื่อประหยัดพลังงาน แต่หากการเชื่อมต่อบลูทูธกับสมาร์ทโฟน ตัวสมาร์ทวอชจะเข้าสู่โหมด Stand alone พร้อมเปิดการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อสแตนด์บายรอรับสาย ระหว่างการค้นหาเครือข่ายใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที เมื่อเชื่อมต่อได้แล้วจะมีบอกว่าเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 3G หรือ 4G LTE พร้อมบอกความแรงของสัญญาณให้ทราบด้วย

หน้าจอขณะเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth
หน้าจอขณะเชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบ Stand alone

สำหรับความบันเทิงในขณะออกกำลังกายก็สามารถดาวน์โหลดเพลงเข้าไปเก็บในหน่วยความจำของ Watch Active 2 ได้ด้วย โดยมีหน่วยความจำภายในมาให้ 4GB แต่จะเหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 2.6 GB เพียงพอสำหรับการดาวน์โหลดเพลงประมาณ 500-600 เพลง นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อเพื่อฟังเพลงกับ Spotify ได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน แต่ก็จะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วด้วยเช่นกัน

สำหรับการใช้งานจริงเมื่อไม่ได้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ตัวเครื่องจะสแตนด์บายรอรับสายได้ประมาณ 1 วันกว่าๆ ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานโทรศัพท์ในกรณีที่ลืมสมาร์ทโฟนไว้ที่บ้าน ส่วนการสนทนาก็จะใช้แบตเตอรี่ประมาณชั่วโมงละ 20% คำนวนได้ว่าจะสนทนาได้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง

บทสรุป Samsung Galaxy Watch Active2 LTE

จากการทดสอบใช้งานจริงถือว่าทำได้น่าประทับใจ แต่ก็มีบางจุดที่ยังทำได้ไม่ดีนัก อย่างเช่นแบตเตอรี่หมดเร็ว หากใช้งานปกติจะอยู่ได้ประมาณ 3-4 วัน แต่หากเปิดหน้าจอแบบ Always on จะใช้งานได้ประมาณ 1.5 วัน คือต้องชาร์จวันต่อวันเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่ประทับใจก็ยังคงเป็นเรื่องของดีไซน์ที่สวยงามเรียบหรูกว่าเดิม หน้าจอสีสันสดใส ใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้หากลืมวางไว้ที่บ้าน หรือเดินไปไหนไกลๆ ห่างจากโทรศัพท์ก็ยังคงรับสายได้ สำหรับฟังก์ชั่นในการออกกำลังกายก็มีมาให้อย่างครบครัน น่าจะถูกใจสายกีฬาที่อยากได้สมาร์ทวอชหน้าตาดี เหมาะกับการออกกำลังกายที่ไม่หนัก และใช้เวลาไม่นาน และเหมาะมากกับการใช้ติดตามการออกกำลังกายในฟิตเนส เพราะสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องออกกำลังกายได้เลย สำหรับใครที่อยากได้สมาร์ทวอชดีไซน์เรียบหรู ราคาไม่แพงมากแบบนี้ลองพิจารณาดูครับ

ใช้งาน Touch Bezel แบบใหม่ แตะขอบหน้าจอแล้วหมุน
อยู่กลางแดดก็ยังมองเห็นหน้าจอชัดพอสมควร

สเป็ค Samsung Galaxy Watch eSIM

Galaxy Watch Active 2 เปิดตัวแล้ว ราคาเริ่มต้น 9,900 บาท เปิดจอง 29-31 ต.ค. นี้