Samsung Galaxy Watch eSIM สมาร์ทวอชรุ่นใหม่ล่าสุดที่ยังคงดีไซน์เดิม ปรับปรุงคือมี eSIM ในตัว สามารถลงทะเบียนกับผู้ให้บริการเครือข่ายพร้อมใช้งานโทรศัพท์ได้ทันทีโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ส่วนจะมีอะไรแตกต่างจากรุ่นก่อนยังไง เรามาดูกันเลยครับ
Samsung Galaxy Watch eSIM คืออะไร
ขึ้นชื่อว่า eSIM หลายๆ ท่านอาจจะยังไม่รู้จักกับคำนี้ ขออธิบายง่ายๆ เลยว่า eSIM ย่อมาจาก Embed SIM คือการฝังซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือไว้ในแผงวงจร จึงไม่ต้องหาซิมการ์ดมาใส่เข้าใส่ออก ซึ่งการที่จะใช้งาน eSIM ต้องลงทะเบียนกับผู้ให้บริการรายนั้นๆ ก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ และในอนาคตสมาร์ทโฟนที่เราใช้อยู่อาจจะฝัง eSIM เข้ามาเลย ไม่ต้องถอดเปลี่ยนซิมการ์ดให้วุ่นวายอีกต่อไป
สำหรับ Samsung Galaxy Watch eSIM รุ่นใหม่นี้ก็ฝัง eSIM เข้ามาในเครื่องเรียบร้อย ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่ที่มีอยู่น้อยนิดอยู่แล้วให้ใส่อย่างอื่นได้เพิ่มเติมอย่างเช่นแบตเตอรี่ เป็นต้น ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายมือถือได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องผ่านสมาร์ทโฟนอีกต่อไป ส่วนการทำงานนั้นเดี๋ยวเราจะมาอธิบายให้ฟังว่ามันทำงานอย่างไร
ลงทะเบียนเครือข่ายด้วยแอพฯ Galaxy Wearable ใช้งานได้ทันที
จากที่เคยได้ยินมาว่าสมาร์ทวอชแบรนด์อื่นที่มี eSIM ในตัวจะต้องนำเครื่องไปที่ศูนย์บริการเพื่อลงทะเบียนก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ ดูแล้วยุ่งยากพอสมควร ต้องเสียเวลาไปศูนย์อีก แต่สำหรับรุ่นนี้แล้วพบว่าสะดวกสบายมากๆ จากการใช้งานเมื่อทีมงานได้สมาร์ทวอชรุ่นนี้มาเรียบร้อยแล้วก็ยังงงๆ อยู่ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แต่ก็ลองเปิดเครื่องใช้งานเพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S10+ เหมือนที่เคยทำกับรุ่นอื่น โดยทำการเชื่อมต่อกับแอพฯ Galaxy Wearable เหมือนกับอุปกรณ์ทั่วไป
เมื่อเชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว แอพฯ จะเข้าสู่หน้าการผูก eSIM เข้ากับระบบ โดยการเลือกหมายเลขที่จะใช้งานร่วมกับสมาร์ทวอช จากนั้นจะเข้าสู่หน้าเพจของผู้ให้บริการ โดยผู้ใช้เลือกหมายเลขของ dtac ในหน้านี้จะต้องใส่ข้อมูลเลขบัตรประชาชนเพื่อเช็คกับระบบฐานข้อมูลว่าตรงกับหมายเลขที่ใช้หรือไม่ จากนั้นจะเข้าสู่หน้าโปรโมชั่น และเงื่อนไขของผู้ให้บริการ แล้วกดสมัคร แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว รอไม่ถึง 5 นาทีก็ใช้งานได้ทันที สะดวกสบายมากๆ ลบภาพความวุ่นวายที่ต้องวิ่งไปศูนย์บริการออกจากหัวไปได้เลย
การใช้งาน Galaxy Watch eSIM
จากการใช้งานพบว่าไม่ต่างจาก Galaxy Watch ธรรมดาเลยใช้งานได้เหมือนกันหมด เรามาดูกันอีกครั้งว่าสมาร์ทวอชรุ่นนี้มีปุ่ม หรือเซ็นเซอร์อะไรให้ใช้งานบ้าง ตัวเครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Silver ขนาด 46 มม. ตัวเรือนทำจากสแตนเลสสตีล หน้าจอแสดงผลยังคงใช้จอภาพแบบ Super AMOLED ขนาด 1.3 นิ้ว ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล ใช้กระจก Gorilla Glass DX+ ที่ออกแบบมาสำหรับหน้าปัดนาฬิกาโดยเฉพาะ ช่วยป้องกันรอยขีดข่วน มีวงแหวน หรือที่เรียกว่า Rotating Bezel สำหรับเลื่อนเมนูซ้ายขวา
ด้านหลังมี Heart rate sensor แบบ Optical เป็นแสง LED สีเขียว สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ส่วนสายนาฬิกาใช้วัสดุเป็นซิลิโคนสีดำ สามารถถอดเปลี่ยนไปใช้สายนาฬิกาแบบอื่นๆ ได้โดยถอดสลักออกอย่างง่ายดาย ที่ด้านข้างขวามีปุ่ม Back และปุ่ม Menu ส่วนที่ด้านข้างซ้าย มีช่องลำโพง และเซ็นเซอร์วัดต่างๆ
การชาร์จแบตเตอรี่มีแท่นชาร์จแบบไร้สายมาให้ หากต้องการชาร์จก็เพียงแค่วางบนแท่นก็สามารถชาร์ตแบตได้ทันที แต่การชาร์จแบตใช้เวลานานพอสมควรเกือบ 2 ชั่วโมง เหมาะกับการชาร์จทิ้งไว้ก่อนนอน แต่ถ้าหากรีบเร่งอาจจะชาร์จได้ไม่ทันใจ
การใช้งาน Galaxy Watch eSIM เป็นโทรศัพท์
คิดว่าหลายคนคงอยากจะทราบว่าจะใช้งานโทรศัพท์อย่างไร เราขออธิบายง่ายๆ ว่าการทำงานของรุ่นนี้จะมี 2 โหมด คือหากสมาร์ทวอชอยู่คู่กับโทรศัพท์แล้วเชื่อมต่อบลูทูธ ตัวสมาร์ทวอชจะปิดการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเพื่อประหยัดพลังงาน แต่หากหลุดการเชื่อมต่อบลูทูธ ตัวสมาร์ทวอชจะส่งเสียงเตือนก่อนแล้วจึงจะเข้าสู่โหมด Stand alone พร้อมเปิดการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อสแตนด์บายรอรับสาย ระหว่างการค้นหาเครือข่ายใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที เมื่อเชื่อมต่อได้แล้วจะมีบอกว่าเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 3G หรือ 4G LTE พร้อมบอกความแรงของสัญญาณให้ทราบด้วย
เมื่ออยู่ในโหมด Standalone แล้วมีสายเรียกเข้า ทั้งสมาร์ทวอช และตัวสมาร์ทโฟนจะสั่นเตือนพร้อมกันแม้จะอยู่คนละสถานที่ก็ตาม เพราะทั้งสองเครื่องรับสัญญาณจากเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ หากกดรับที่เครื่องใดเครื่องหนึ่ง อีกเครื่องจะหยุดสั่นเตือนทันที หากกดรับที่ตัวสมาร์ทวอชก็สามารถสนทนาได้ผ่าน Speaker ซึ่งหากใช้งานเป็นโทรศัพท์จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ค่อนข้างมาก จากการทดสอบสนทนาผ่านเครือข่าย 4G LTE นาน 1 ชั่วโมงใช้แบตเตอรี่ประมาณ 20%ซึ่งหากชาร์จแบตเต็มก็น่าจะสนทนาได้ประมาณ 4-5 ชั่วโมงส่วนระยะเวลาสแตนด์บายรอรับสายได้เพียงประมาณ 1.5 วันเท่านั้น แต่หากใช้งานทั่วไปแบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธจะใช้งานได้ประมาณ 4-5 วัน
ในการโทรออกก็สามารถเลือกจากรายชื่อที่ซิงค์มาจากโทรศัพท์ได้เลย หรือจะเลือกกดตัวเลขจากบนหน้าจอก็ได้เช่นกัน
อิสระในการออกกำลังกายอย่างแท้จริง
จากเดิม Galaxy Watch สามารถนำไปออกกำลังกาย Outdoor ได้โดยไม่ต้องพกพาโทรศัพท์ ซึ่งก็สามารถฟังเพลงผ่านชุดหูฟังบลูทูธ และติดตามเส้นทาง ความเร็วในการออกกำลังกายด้วย GPS ในตัว แต่รุ่นก่อนไม่สามารถโทรศัพท์ได้ มาถึงรุ่นนี้ที่มี eSIM พร้อมเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้โดยตรง ทำให้การออกกำลังกายนอกบ้านเป็นอิสระอย่างแท้จริง ไม่ต้องพกพาโทรศัพท์มือถืออีกต่อไป เมื่อมีสายเรียกเข้าก็กดรับได้จากสมาร์ทวอชได้ทันที
นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับชุดหูฟังไร้สายผ่านบลูทูธอย่าง Galaxy Budsเพื่อฟังเพลงได้ โดยมีพื้นที่หน่วยความจำมาให้ 1.5 GB ดาวน์โหลดเพลงเก็บไว้ในสมาร์ทวอชได้สบายๆ
ในการออกกำลังกายก็มีให้เลือกมากกว่า 39 รูปแบบ อย่างเช่นการเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ ฯลฯ พร้อมทั้งสรุปผลการออกกำลังกายออกมาเป็นระยะทาง ความเร็ว, จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญ, อัตราการเต้นของหัวใจ เป็นต้น สามารถกดดูได้จากบนหน้าจอสมาร์ทวอชได้ทันที หรือหากต้องการดูให้ละเอียดกว่านั้นก็กดดูได้จากหน้าจอสมาร์ทโฟน
นอกจากนี้ยังสามารถติดตามการนอนหลับได้ทั้งคืนเพื่อดูผลการนอนหลับได้ในรุ่งเช้าว่าคุณหลับลึก หลับตื้น หรือคุณภาพการนอนของคุณเป็นอย่างไรได้จากแอพฯ Samsung Health
บทสรุป Samsung Galaxy Watch eSIM
จากการใช้งานจริงพบว่าในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะพลาดการรับสายสำคัญไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์แบตหมด รับสายขณะขับรถ ลืมวางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโต๊ะทำงาน ออกไปซื้อของหน้าปากซอย โดยเฉพาะการไปออกกำลังกายนอกบ้านที่ใส่แค่ Galaxy Watch ก็ยังไม่พลาดการติดต่อ ช่วยทำให้สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องพกโทรศัพท์มือถือให้เกะกะ พร้อมลุย และออกกำลังกายไปได้ทุกที่ ไม่ต้องพะวงว่าจะพลาดรับสายสำคัญ หากใครที่ชอบออกกำลังกายแบบตัวเปล่าๆ หรือลืมหยิบมือถือติดตัว ไม่ชอบพกโทรศัพท์บ่อยๆ สมาร์ทวอชรุ่นนี้ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน
สเป็ค Samsung Galaxy Watch eSIM
- มี eSIM ในตัว รองรับเครือข่าย 3G B1 (2100), B8 (900) และ 4G LTE B1 (2100), B3 (1800),B7 (2600), B8 (900), B20 (800)
- เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ 4.2 และ WiFi 802.11 b/g/n 2.4 GHz
- ระบุพิกัดด้วยดาวเทียม GPS/GLONASS
- ระบบปฏิบัติการ Tizen
- หน่วยประมวลผล Exynos 9110 Dual-core 1.15 GHz
- RAM 1.5 GB, ROM 4 GB
- จอแสดงผล Super AMOLED 1.3 นิ้ว ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล
- แบตเตอรี่ 472 mAh
- มาตรฐานการกันน้ำ 5 ATM
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Barometer, Gyro Sensor, HR Sensor, Light Sensor
- มีให้เลือก 2 ขนาด 46 มม.(หน้าจอ 1.3 นิ้ว) และ 42 มม.(หน้าจอ 1.2 นิ้ว)